ทำความรู้จักกับ Employee Referral Program

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร

ข้อดีของ Employee Referral Program

ลดระยะเวลาและต้นทุนในการสรรหาพนักงาน
เพิ่มคุณภาพของผู้สมัครจากการที่พนักงานแนะนำคนที่เหมาะสมจากเครือข่ายของตนเอง
ส่งเสริมให้พนักงานรู้สึกมีส่วนร่วมและมีความผูกพันกับองค์กรมากยิ่งขึ้น

ขั้นตอนการทำงานของโครงการ

คุณสมบัติของผู้แนะนำ: พนักงานทุกคนสามารถเข้าร่วมโครงการได้ ยกเว้นฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และทีมที่มีส่วนในการคัดเลือกพนักงานโดยตรง
กระบวนการแนะนำ: พนักงานส่งรายชื่อคนที่จะแนะนำผ่านระบบที่องค์กรจัดให้ (หรือแจ้ง HR โดยตรง) พร้อมข้อมูลพื้นฐานของผู้สมัคร เช่น ประวัติส่วนตัวหรือเรซูเม่
การคัดกรองและเลือกผู้สมัคร: ทีม HR ดำเนินการคัดกรองเบื้องต้น และส่งให้ทีมที่เกี่ยวข้องเพื่อทำการสัมภาษณ์และตัดสินใจ
ระบบติดตามการแนะนำ: ใช้ระบบติดตามสถานะของผู้สมัครที่ถูกแนะนำ เพื่อให้พนักงานที่แนะนำสามารถตรวจสอบสถานะได้

สิ่งจูงใจหรือรางวัล

เงินรางวัล: โบนัสหรือเงินสดที่พนักงานจะได้รับเมื่อผู้ที่ตนแนะนำได้รับการจ้างงานและทำงานครบระยะเวลาที่กำหนด (เช่น 3-6 เดือน)
รางวัลอื่นๆ: วันหยุดเพิ่มเติม บัตรของขวัญ หรือการประกาศเกียรติคุณในที่ประชุมบริษัท
รางวัลแบบขั้นบันได: มีการเพิ่มรางวัลสำหรับตำแหน่งที่ยากต่อการหาคน เช่น ตำแหน่งผู้บริหารหรือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง

วิธีการสื่อสารโครงการ

เริ่มต้นโครงการโดยการประชาสัมพันธ์ให้พนักงานทราบผ่านการประชุมหรืออีเมล
ส่งอัปเดตเกี่ยวกับโครงการและแชร์เรื่องราวของพนักงานที่แนะนำสำเร็จเพื่อสร้างแรงบันดาลใจ

การติดตามและประเมินผลโครงการ

ตรวจสอบอัตราความสำเร็จของการแนะนำ ระยะเวลาในการจ้าง และอัตราการคงอยู่ของผู้ที่ถูกจ้าง
รับฟังความคิดเห็นจากพนักงานและปรับปรุงโครงการให้ดียิ่งขึ้นตามความเหมาะสม

โครงการแนะนำพนักงานเป็นเครื่องมือที่ทรงพลังในการสรรหาบุคคลที่เหมาะสมกับองค์กรและยังเป็นวิธีสร้างสรรค์เพื่อให้พนักงานรู้สึกมีคุณค่าและมีส่วนร่วมในการเติบโตขององค์กร

การทำงาน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ซึ่งรูปแบบของการจ้างงานไม่ได้มีเพียงงานประจำและรอเวลาเกษียณอายุเพียงเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะการจ้างงานอีกหลายประเภท ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปได้ ในบทความนี้จะมาสรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าการจ้างงานมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร

การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด

ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ

มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง

ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

การจัดกะพนักงาน คือ กระบวนการวางแผนและจัดระเบียบเวลาทำงานของพนักงานให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรในแต่ละช่วงเวลา โดยแบ่งเวลาทำงานออกเป็นหลายช่วง (หรือหลายกะ) เพื่อให้มีพนักงานเพียงพอในการปฏิบัติงานตลอดเวลา เช่น ในกรณีขององค์กรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงหรือมีความต้องการกำลังคนที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา

หน้าแรก

News

HR Articles

Human Resource