กระบวนการสรรหาพนักงานใหม่ ที่ไม่ใช่แค่สำคัญมากขึ้น แต่ยังยากมากกว่าเดิม เพราะความต้องการของบริษัทไม่มีวันเหมือนเดิม หนำซ้ำผู้สมัครก็มีอำนาจในการต่อรองมากขึ้น ทำให้อุตสาหกรรมการสรรหามีการแข่งขันที่ดุเดือดมาก
บทความนี้จาก HR NOTE.asia จะมาพูดถึง Future of Recruitment อนาคตของการสรรหา ว่ามีอะไรที่น่าสนใจบ้าง
การยอมรับความหลากหลายทางสังคมเป็นสิ่งที่กำลังเติบโตมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อทุกคนเห็นความสำคัญของความเป็นมนุษย์อยู่เหนืออคติต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นความหลากหลายทางเจเนอร์เรชัน เพศ เชื้อชาติ ทักษะความสามารถ ไปจนถึงทัศนคติความเชื่อ
ทั้งนี้ ความเป็นธรรมในการสรรหาเป็นสิ่งสำคัญในการคัดเลือกพนักงานใหม่มานาน และจะยิ่งเข้มแข็งมากขึ้นท่ามกลางการเติบโตทางความคิดของสังคม สิ่งที่เกิดขึ้นทำให้ Diversity, Equity, Inclusion and Belonging (DEI&B) ที่แต่เดิมเป็นองค์ประกอบสำคัญในการสรรหามานานแล้ว ก็จะยิ่งมีความสำคัญมากขึ้น
รวมไปถึงการคัดเลือกพนักงานใหม่ก็จะพิจารณาว่า พนักงานคนนั้นยอมรับความหลากหลายมากน้อยเพียงใด เพราะมันไม่ใช่แค่ทักษะ แต่กลายเป็นสิ่งสำคัญที่พนักงานต้องมีด้วยซ้ำ
การยอมรับความหลายหลายจะทำให้เกิดสภาพแวดล้อมการทำงานก็ยังเป็นมิตรกับทุกคน ทุกกลุ่ม และทุกบทบาท ที่สำคัญยังส่งผลต่อประสิทธิภาพองค์กรด้วย ยกตัวอย่าง รายงานของ McKinsey ที่บอกว่า องค์กรที่มีผู้บริหารหลากหลายทางเพศมีแนวโน้มสร้างผลกำไรที่สูงกว่าค่าเฉลี่ย 25 %
ไม่เพียงเฉพาะในมุมธุรกิจ ตามรายงาน Recruiter National Report 2021 พบว่า ผู้สมัครงานยังสอบถามถึงการยอมรับความหลากหลายในบริษัทเพิ่มขึ้นทุกปี และ 49% ของผู้สมัครพร้อมปฏิเสธร่วมงานทันทีหากองค์กรนั้นไม่มีนโยบายเกี่ยวกับความหลากหลาย DEI&B
อนาคตองค์กรจึงต้องผลักดันนโยบายเคารพความแตกต่างระหว่างกัน รับฟังความคิดเห็นที่มีทิศทางไม่เหมือนกัน และตัดสินทุกอย่างบนความยุติธรรม นั่นจะทำให้องค์กรเกิดประสิทธิภาพในการทำงานได้อย่างมากที่สุด และส่งเสริมให้องค์กรมีศักยภาพได้ในที่สุด
ทุกคนคงเคยได้ยินคำว่า Data is the new oil หรือ ข้อมูลมีค่าดั่งน้ำมัน ซึ่งปัจจุบันมีข้อมูลมากมายที่ทุกคนเข้าถึงได้ ฉะนั้นการทำความเข้าใจและใช้ประโยชน์ของข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์ จึงเป็นทักษะสำคัญสำหรับการสรรหายุคใหม่ สอดคล้องกับรายงาน Global Talent Trends 2020 ของ LinkedIn ที่บอกว่า HR มีทักษะการวิเคราะห์ข้อมูลเพิ่มขึ้น 242% ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา
ทุกวันนี้เหล่าผู้นำหลายองค์กร ก็ต้องการให้บุคคลากรในทีมมีกรอบความคิดเรื่องการขับเคลื่อนด้วยข้อมูลและเทคโนโลยีมากขึ้น เพื่อรวบรวม วิเคราะห์ และใช้ประโยชน์จากสถิติมาใช้จัดหากระบวนการทำงานที่ตอบโจทย์ที่สุด เช่น ใช้สถิติตรวจสอบว่าส่วนใหญ่พนักงานขายจะเข้ามาทำงานนานเท่าไหร่จึงลาออก เพื่อเตรียมพร้อมในการสรรหาครั้งต่อไป
ในอนาคตข้อมูลและระบบอัตโนมัติจะเป็นหนึ่งในตัวช่วยที่ทำให้การสรรหาทรงพลังมากขึ้น กระบวนการทำงานง่ายขึ้น และคัดเลือกคนได้เหมาะสมที่สุด เช่น การสื่อสารแบบทั่วไปเป็นอุปสรรคในกระบวนการสรรหาเพราะใช้เวลานาน เสียเวลา และทำงานซับซ้อนโดยไม่จำเป็น หากมีระบบอัตโนมัติก็จะตอบโต้ได้ทันทีตามระบบที่กำหนดไว้
เทคโนโลยีข้อมูลจึงเป็นกุญแจสำคัญในการปรับปรุงการสรรหาบุคลากร จากการสำรวจในรายงาน Future of Recruitment พบว่า 68% ของผู้เชี่ยวชาญด้านการจัดหางาน ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการลงทุนเครื่องมือและเทคโนโลยีการสรรหาที่ดีกว่าเป็นอันดับ 1 ในอีก 5 ปีข้างหน้า
ขอบคุณที่มา : th.hrnote.asia