'ลงทะเบียนว่างงานสำนักงานประกันสังคม' กับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19

'ลงทะเบียนว่างงานสำนักงานประกันสังคม' กับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19

ลงทะเบียนว่างงานสำนักงานประกันสังคม กับสถานการณ์วิกฤติโควิด-19



หลังจากเปิดลงทะเบียน "www.เราไม่ทิ้งกัน.com" สำหรับผู้ที่ประกอบอาชีพอิสระ ผู้ประกันตนประกันสังคมมาตรา 39 และ มาตรา 40 เมื่อวันเสาร์ ที่ 28 มีนาคม 2563 ได้รับการตอบรับจากประชาชนอย่างล้มหลาม เนื่องจากแรงงานจำนวนมากตกอยู่ในสถานะ "คนว่างงาน" จากการที่รัฐฯ ประกาศปิดสถานที่เสี่ยง "โควิด-19" ทั้งในกรุงเทพมหานคร ปริมณฑล และจังหวัดต่างๆ ตั้งแต่ 22 มี.ค. 63 ถึง 30 เม.ย.63

โดยผู้มีสิทธิ์รับเงิน 5,000 บาท จาก "เราไม่ทิ้งกัน" เป็นเวลา 3 เดือนนั้น จะต้องเป็นผู้ที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ "โควิด-19" โดยเป็นผู้ทำงานอิสระ (ยกเว้นเกษตรกร) หรือผู้ประกันตนในมาตรา 39 และมาตรา 40 เท่านั้นที่จะได้รับสิทธิ์นี้

นั่นจึงหมายความ "มนุษย์เงินเดือน" ซึ่งเป็นผู้ที่อยู่ใน "ประกันสังคมมาตรา 33" จะไม่สามารถรับเงินจากโครงการเราไม่ทิ้งกันในครั้งนี้ แต่มีสิทธิ์รับเงินชดเชยจากประกันสังคมในฐานะผู้ว่างงาน ผ่านการ "ลงทะเบียนผู้ว่างงาน" ทั้งกรณีที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 รวมถึงกรณีอื่นๆ ได้ ตามเงื่อนไขที่กำหนด

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2563 คณะรัฐมนตรีมีมติเห็นชอบตามที่กระทรวงแรงงานเสนอให้ทบทวนอัตราและระยะเวลาการได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงานตามร่างกฎกระทรวงการได้รับประโยชน์ในกรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัย พ.ศ. .... ให้ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจาก มีเหตุสุดวิสัย ให้ขยายความคุ้มครองผู้ประกันตนจากโรคติดต่อ อันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ให้มีผลใช้บังคับ ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน 2563 เป็นต้นไป ดังนี้ ปรับเพิ่มสิทธิประโยชน์กรณีว่างงานเนื่องจากมีเหตุสุดวิสัยโดยให้

– ผู้ประกันตนที่ไม่ได้ทำงาน หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน กักตัว 14 วัน เนื่องจากสัมผัสหรือใกล้ชิดผู้ติดเชื้อโควิด–19 ประกันสังคมจะจ่ายกรณีว่างงาน เดิม อัตราร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน แก้ไขปรับเพิ่มเป็น "อัตราร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวัน แต่ไม่เกิน 90 วัน"

– กรณีหน่วยงานภาครัฐ มีคำสั่งให้นายจ้างหยุดประกอบกิจการ เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดต่ออันตรายตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ ให้ลูกจ้างซึ่งเป็นผู้ประกันตนที่ไม่ได้รับค่าจ้างมีสิทธิได้รับประโยชน์ทดแทนในกรณีว่างงาน เดิม ร้อยละ 50 ของค่าจ้างรายวัน เป็นระยะเวลา ไม่เกิน 60 วัน แก้ไขปรับเพิ่มเป็น "อัตราร้อยละ 62 ของค่าจ้างรายวัน โดยได้รับตลอดระยะเวลาที่นายจ้างหยุดประกอบกิจการตามคำสั่งทั้งนี้ไม่เกิน 90 วัน"

กล่าวโดยสรุปคือ "สิทธิที่ลูกจ้างที่มีประกันสังคมจะได้รับกรณีได้รับผลกระทบโควิด-19" ล่าสุด ณ วันที่ 1 เมษายน 2563 มีดังนี้



"เงื่อนไข" ของผู้ที่จะได้รับเงินทดแทนจากประกันสังคมในกรณีที่ได้รับผลกระทบจาก "โควิด-19"

1. ว่างงาน ด้วยเหตุสุดวิสัย
เดิม ไม่ได้ทำงาน หรือนายจ้างไม่ให้ทำงาน จ่าย 50% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 180 วัน เปลี่ยนเป็น จ่าย 60% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน
เดิม หน่วยงานภาครัฐ มีคำสั่งให้หยุดกิจการชั่วคราว จ่าย 50% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 60 วัน เปลี่ยนเป็น จ่าย 60% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน

2. ว่างงาน จากการลาออกหรือเลิกจ้าง
ว่างงาน จากการลาออก จ่าย 45% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 90 วัน
ว่างงาน จากกรณีเลิกจ้าง จ่าย 70% เป็นระยะเวลาไม่เกิน 200 วัน

3. ลดภาระนายจ้างและผู้ประกันตน
ลดอัตราเงินสมทบนายจ้าง และผู้ประกันตน 4% เป็นระยะเวลา 6 เดือน
ขยายเวลาส่งเงินสมทบของนายจ้าง และผู้ประกันตนมาตรา 33, 39 งวดค่าจ้างเดือน มี.ค. เม.ย. พ.ค. 63 ออกไปอีก 3 เดือน
- งวดค่าจ้างเดือน มี.ค. เลื่อนส่งได้ ภายใน 15 ก.ค. 63
- งวดค่าจ้างเดือน เม.ย. เลื่อนส่งได้ ภายใน 15 ส.ค. 63
- งวดค่าจ้างเดือน พ.ค. เลื่อนส่งได้ ภายใน 15 ก.ย. 63

ขั้นตอน “ขึ้นทะเบียนเป็นผู้ประกันตน กรณีว่างงาน”
ทันทีที่รู้ตัวว่า “ว่างงาน” จะต้องไปขึ้นทะเบียนเป็น 'ผู้ว่างงาน' ที่สำนักงานประกันสังคมใกล้บ้านหรือที่สะดวก ภายใน 30 วัน เพื่อแสดงสิทธิ์ โดยไม่จำเป็นต้องต้องรอหนังสือรับรองการออกจากงาน เพราะหากไปช้ากว่า 30 วัน จะไม่ได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานที่ว่านี้ได้เลย

ทั้งนี้ ผู้ที่ได้รับสิทธิผู้ประกันตนกรณีว่างงาน จะต้องเป็นผู้ที่จ่ายเงินสมทบไม่น้อยกว่า 6 เดือน ภายในระยะเวลา 15 เดือนก่อนการว่างงานด้วย

1. เข้าเว็บไซต์ของ กรมการจัดหางาน(empui.doe.go.th)
2. “ลงทะเบียนเข้าใช้งาน” สำหรับผู้ที่ยังไม่เคยขึ้นทะเบียนว่างงาน และยังไม่มีรหัสผ่านเข้าใช้ระบบ



3. ทำตาม 4 ขั้นตอนหลักจนครบถ้วน
ขั้นตอนที่ 1 อ่านข้อตกลงของการใช้บริการ ก่อนกดขั้นตอนต่อไป



ขั้นตอนที่ 2 ตรวจสอบเลขบัตรประจำตัวประชาชน



ขั้นตอนที่ 3 กรอกข้อมูลส่วนตัว



บันทึกการลงทะเบียน



4. ผู้ประกันตนฯ จะได้รับหนังสือรับรองการขึ้นทะเบียนผู้ประกันตนกรณีว่างงาน และวันที่นัดรายงานตัวของผู้ประกันตน ซึ่งสามารถพิมพ์ออกทางเครื่องพิมพ์ได้

5. พิมพ์เอกสาร ดังนี้

- ใบนัดรายงานตัว
- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สปส.2-01/7)

6. นำเอกสารไปยื่นที่สำนักประกันสังคม ดังนี้

- แบบคำขอรับประโยชน์ทดแทน กรณีว่างงาน (สปส.2-01/7) ที่กรอกรายละเอียดครบถ้วน

- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ประกันตน

- สำเนาสมุดบัญชีธนาคารที่เป็นชื่อผู้ประกันตน ได้แก่ ธนาคารกรุงไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด(มหาชน) ธนาคารกรุงเทพ จำกัด(มหาชน) ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) ธนาคารกสิกรไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารทหารไทย จำกัด(มหาชน) ธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) ธนาคารซีไอเอ็มบีไทย จำกัด (มหาชน) ธนาคารอิสลามแห่งประเทศไทย

ขั้นตอน “การรายงานตัวผู้ว่างงาน”

หลังจากที่ "ลงทะเบียนผู้ว่างงาน" ครั้งแรกเรียบร้อยแล้ว ผู้ว่างงานจะต้องรายงานตัวต่อสำนักงานประกันสังคมเพื่อแสดงตนว่ายังเป็นผู้ว่างงานเพื่อขอรับเงินชดเชยต่อ โดยสามารถรายงานตัวผ่านช่องทางออนไลน์ ตามขั้นตอนต่อไปนี้
1. เข้าเว็บไซต์ของ กรมการจัดหางาน(empui.doe.go.th)

2. เลือกว่า ทำรายการจากสำนักงานประกันสังคมใด หรือหากทำรายการที่บ้านหรือนอกสำนักงานประกันสังคม ให้เลือกดำเนินรายการด้วยตัวเองผ่านอินเทอร์เน็ต

3. เข้าระบบด้วยเลขประจำตัวประชาชน และรหัสผ่าน (หากยังไม่ลงทะเบียน ต้องย้อนกลับไปที่ขั้นตอนการลงทะเบียนก่อน)

4. คลิกที่เมนู “รายงานตัว” เพื่อทำรายการผ่านระบบ (ในกรณีที่ยังว่างงานอยู่) กรณีที่ได้งานทำแล้ว แต่ยังมีสิทธิ์ได้รับผลประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานอยู่ (นายจ้างยังไม่นำส่งเงินให้ทางสำนักงานประกันสังคมเนื่องจากเพิ่งทำงานเดือนแรก)




การรายงานตัว ณ ทีนี้ คือ “ผู้ว่างงาน” จะต้องมารายงานตัวเป็นระยะตามวันที่กำหนด โดยผู้ประกันตนสามารถรายงานตัวได้ก่อนกำหนด 7 วัน และหลังกำหนด 7 วัน รวมวันหยุดเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์



5. เมื่อทำรายการในระบบเสร็จเรียบร้อยแล้ว คลิกเมนูออกจากระบบทุกครั้ง เพื่อป้องกันการลักลอบข้อมูลส่วนบุคคล

ทั้งนี้ การพิจารณาการได้รับสิทธิประโยชน์ทดแทนกรณีว่างงานกรณีถูกเลิกจ้างหรือลาออก จะเป็นหน้าที่ของสำนักงานประกันสังคม โดยสำนักงานประกันสังคมจะทำการโอนเงินทดแทนการขาดรายได้ตามสิทธิให้ผู้ประกันตน ผ่านทางบัญชีธนาคารของผู้ประกันตน เดือนละ 1 ครั้ง

หากผู้ขอรับประโยชน์ทดแทนไม่พอใจคำสั่งจ่ายประโยชน์ทดแทน สามารถยื่นอุทธรณ์ได้ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งคำสั่ง ที่สำนักงานประกันสังคม นอกจากนี้ สำหรับผู้ว่างงานที่ต้องการหางานทำ สามารถลงเบียนได้ที่ กรมการจัดหางาน

แหล่งที่มา : กรมการจัดหางาน, ศูนย์สารสนเทศ สำนักงานประกันสังคม


ProsoftHRMI
โปรแกรมบริหารทรัพยากรมนุษย์
โปรแกรมเงินเดือน
 3507
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร
การจัดกะพนักงาน คือ กระบวนการวางแผนและจัดระเบียบเวลาทำงานของพนักงานให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรในแต่ละช่วงเวลา โดยแบ่งเวลาทำงานออกเป็นหลายช่วง (หรือหลายกะ) เพื่อให้มีพนักงานเพียงพอในการปฏิบัติงานตลอดเวลา เช่น ในกรณีขององค์กรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงหรือมีความต้องการกำลังคนที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์