AI มีบทบาทในการพัฒนางาน HR อย่างไร

AI มีบทบาทในการพัฒนางาน HR อย่างไร


AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์มีความสามารถในการคิดและทำงานในลักษณะที่คล้ายกับมนุษย์ โดยการนำข้อมูลจำนวนมากมาประมวลผลและตัดสินใจผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) หรือ การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) แล้ว AI จะเข้ามามีบทบาทในการพัฒนางาน HR อย่างไร

1. การสรรหาบุคลากร (Recruitment)

AI Screening: ช่วยกรองใบสมัครและคัดเลือกผู้สมัครที่มีคุณสมบัติเหมาะสมตามเกณฑ์ที่กำหนดโดยอัตโนมัติ ซึ่งช่วยลดเวลาและเพิ่มความแม่นยำ
Chatbot: ใช้ในการสื่อสารกับผู้สมัคร ตอบคำถามเบื้องต้นเกี่ยวกับตำแหน่งงานหรือสถานะของใบสมัคร
AI Matching: วิเคราะห์ความเหมาะสมระหว่างผู้สมัครกับตำแหน่งงานโดยอิงจากทักษะ ประสบการณ์ และคุณสมบัติ

2. การจัดการงานประจำวัน (Daily HR Tasks)

Employee Self-Service: ช่วยให้พนักงานสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวและจัดการสิ่งต่าง ๆ เช่น ขอใบลาหรือดูรายละเอียดเงินเดือนได้ด้วยตัวเอง
การวางแผนพัฒนาบุคลากร: ช่วยวิเคราะห์ทักษะและความต้องการในการพัฒนาของพนักงานเพื่อเสนอแนะโปรแกรมการฝึกอบรมหรือการพัฒนา

3. การประเมินผลการทำงาน (Performance Evaluation)

AI Performance Analytics: วิเคราะห์ข้อมูลประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน เพื่อให้การประเมินผลเป็นธรรมมากขึ้นและลดอคติในการตัดสินใจ
Real-time Feedback: ระบบที่ใช้ AI สามารถให้ฟีดแบ็คแก่พนักงานได้ทันทีและช่วยให้ HR ติดตามพัฒนาการของพนักงานได้ตลอดเวลา

4. การดูแลพนักงาน (Employee Engagement)

AI-powered Surveys: การใช้ AI ในการออกแบบและวิเคราะห์แบบสำรวจความคิดเห็นหรือความพึงพอใจของพนักงาน เพื่อตรวจจับปัญหาหรือความต้องการของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
Personalized Employee Experience: AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อมอบประสบการณ์ที่เหมาะสมให้กับพนักงานแต่ละคน เช่น การส่งเสริมทักษะที่ตรงกับความสนใจ

5. การวิเคราะห์ข้อมูล (HR Analytics)

Predictive Analytics: AI สามารถทำนายแนวโน้มในด้านต่าง ๆ เช่น การลาออกของพนักงานหรือการพัฒนาในสายงาน ซึ่งช่วยให้ฝ่าย HR สามารถเตรียมรับมือกับสถานการณ์ต่าง ๆ ได้ดีขึ้น
Talent Management: AI วิเคราะห์ข้อมูลเพื่อติดตามและวางแผนพัฒนาศักยภาพของบุคลากร รวมถึงการปรับปรุงกลยุทธ์การจัดการทรัพยากรบุคคล

การนำ AI เข้ามาใช้ในงาน HR ช่วยลดขั้นตอนที่ซ้ำซ้อน เพิ่มความแม่นยำในการตัดสินใจ และเพิ่มประสิทธิภาพในกระบวนการต่าง ๆ ทำให้ HR สามารถมุ่งเน้นที่การวางแผนเชิงกลยุทธ์และการพัฒนาบุคลากรได้มากขึ้น

อย่างโปรแกรมบริหารงานบุคคล (Human Resource Management Information System หรือ HRMI) เราได้พัฒนาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน โดยมีการเปลี่ยนแปลงทั้งในด้านเทคโนโลยีและการบริหารงานบุคคล รวมถึงรวบรวมระบบต่างๆ เข้าด้วยกัน ที่สามารถช่วยงาน HR ได้ เช่น ระบบสมัครงานออนไลน์, ระบบลาออนไลน์ระบบฝึกอบรมพนักงาน,ระบบสวัสดิการ, ระบบประเมินผล เป็นต้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดการบุคคลและสร้างความยืดหยุ่นในการทำงาน และตอบสนองต่อความเปลี่ยนแปลงในโลกของการทำงานที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว มีความยืดหยุ่นและฟีเจอร์ที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อรองรับความต้องการและการเปลี่ยนแปลงในองค์กรที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็ว

 250
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

หลายๆ คนอาจจะกำลังลังเลกับเส้นทางชีวิตในการเลือกงานที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพให้เลือก มีหลายสายงานให้ได้ลองทำ หากใครชอบความเป็นอิสระอาจจะเริ่มจากการทำงานฟรีแลนซ์ หรืออีกหนึ่งรูปแบบที่คนส่วนใหญ่เลือกทำงานกันคือ การทำงานในออฟฟิศ หรือที่เราเรียกกันว่า "มนุษย์เงินเดือน" แน่นอนว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่บทความนี้เราจะมาบอกข้อดีของการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีข้อดีอยู่มากมายจนบางทีคุณอาจจะคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ งั้นเรามาดูกันสิว่าการที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นมีข้อดีอะไรบ้าง

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการบริหารงานบุคคล และพัฒนาบุคลากรในองค์กร โดยใช้ในการประเมินพนักงานตามสองเกณฑ์หลัก ได้แก่ ศักยภาพ (Potential) และผลงาน (Performance) เครื่องมือนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงและผลงานดี เพื่อพัฒนาและเตรียมพวกเขาให้รับบทบาทที่สำคัญในอนาคต ได้รับการนำเสนอครั้งแรกในปี 1970 โดยบริษัท McKinsey & Company โดยเป็นเครื่องมือสำหรับประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และนับตั้งแต่นั้นมา เครื่องมือนี้ก็ได้รับความนิยมและถูกใช้กันอย่างแพร่หลายโดยองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการบริหารงานบุคคล และพัฒนาบุคลากรในองค์กร โดยใช้ในการประเมินพนักงานตามสองเกณฑ์หลัก ได้แก่ ศักยภาพ (Potential) และผลงาน (Performance) เครื่องมือนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงและผลงานดี เพื่อพัฒนาและเตรียมพวกเขาให้รับบทบาทที่สำคัญในอนาคต ได้รับการนำเสนอครั้งแรกในปี 1970 โดยบริษัท McKinsey & Company โดยเป็นเครื่องมือสำหรับประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และนับตั้งแต่นั้นมา เครื่องมือนี้ก็ได้รับความนิยมและถูกใช้กันอย่างแพร่หลายโดยองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
Background Checks คือการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ครอบคลุมทั้งด้านข้อมูลส่วนตัว, ประวัติอาชญากรรม, ภาวะทางการเงิน, การศึกษา ตลอดจนบริบทอื่น ๆ ที่ส่งผลกับตำแหน่งที่สมัครเข้ามา
สวัสดิการที่องค์กรมอบให้แก่พนักงาน กับ สวัสดิการที่พนักงานต้องการ นั้น บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ตรงกัน ส่วนบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ต่างความเห็นกัน ในเรื่องนี้จากทาง Jobthai (jobthai.com) เคยทำบทความนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นจากคนทำงานทั่วประเทศในประเด็นที่ว่า “สวัสดิการที่คนทำงานต้องการจากองค์กร” ซึ่งเป็นการทำผลสำรวจจากคนทำงานที่เป็นพนักงานทั่วไปจำนวน 7,420 คน ทั่วประเทศ โดยมีผลการสำรวจออกมาดังนี้
เคยได้ยินคำว่า Flexible Time กันอยู่บ่อย ๆ ว่าแต่เอ๊ะ มันคืออะไร ??
AQ หรือ Adversity Quotient คือความฉลาดในการรับมือกับปัญหา ทั้งสภาพกาย และจิตใจ ถูกบัญญัติขึ้นโดยพอล สโตลทซ์ (Paul Stoltz) เมื่อปี 1997 ว่า เป็นวิธีการประเมินความสามารถของแต่ละคนในการรับมือ และตอบสนองต่อความทุกข์ยาก โดยสถาบันชั้นนำอย่างฮาร์วาร์ด (Harvard), สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (Massachusetts Institute of Technology หรือ MIT) และคาร์เนกีเมลลอน (Carnegie Mellon) ต่างก็ใช้ AQ เป็น ‘Golden Standard’ เพื่อประเมินว่า คนนั้นๆ จัดการกับความท้าทายอย่างไรด้วยกันทั้งสิ้น และยังค้นพบอีกด้วยว่า AQ มีความสัมพันธ์โดยตรงกับ ‘การเป็นผู้นำที่ดี’
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์