เรซูเม่กับ CV แตกต่างกันยังไง ใครรู้บ้าง

เรซูเม่กับ CV แตกต่างกันยังไง ใครรู้บ้าง


คนทั่วไปมักเข้าใจผิดว่า CV (Curriculum Vitae) และ 
Resume ใช้แทนกันได้ เพราะทั้ง 2 สิ่งนี้ ต่างก็เป็นประวัติส่วนตัวฉบับย่อเหมือนกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วสองสิ่งนี้มีความแตกต่างกันทั้งโครงสร้าง รูปแบบและการใช้งาน คุณเคยสงสัยไหมว่า ทำไมบางบริษัทที่คุณไปสมัครงานถึงอยากได้ CV แต่บางบริษัทกลับอยากได้เรซูเม่ ไม่ต้องสงสัยอีกต่อไปเพราะ มีคำตอบเรื่องความแตกต่างระหว่าง เรซูเม่กับ CV มาให้ค่ะ

1. ความแตกต่างระหว่าง CV (Curriculum Vitae) และ Resume คืออะไร?

CV (Curriculum Vitae)

CV ย่อมาจาก (Curriculum Vitae) มีรากศัพท์มาจากภาษาละตินที่แปลว่า “เรื่องราวชีวิตของคุณ” CV คือเอกสารที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับประวัติการศึกษาและการทำงาน ประสบการณ์ คุณสมบัติและความสำเร็จโดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นกิจกรรม งานวิจัยหรือเกียรติคุณที่คุณได้รับที่เกี่ยวข้องกับการศึกษา การสอน งานวิชาการ CV มักใช้เวลาไปขอทุนการศึกษาหรือสมัครงานที่เกี่ยวข้องกับการศึกษาและวิชาการ ทั้งนี้อาจรวมถึงประวัติส่วนตัวโดยย่อ เช่น สถานภาพสมรส เชื้อชาติ วันเกิด หรือแม้แต่ต้องแนบรูปภาพของตนเองด้วย

การเขียน CV จะมีรูปแบบที่ชัดเจน และไม่ค่อยเปลี่ยนแปลงมากนักนอกจากจะมีการเพิ่มรายละเอียดของความสำเร็จหรือคุณสมบัติต่าง ๆ โดยทั่วไปมีความยาวอย่างน้อย 2 หน้ากระดาษขึ้นไป และเป็นเอกสารที่ควรระบุรายละเอียดในเชิงลึกของคุณสมบัติและประวัติการศึกษาและการทำงานของเรา

เรซูเม่

เรซูเม่ (Resume) คือ ประวัติการศึกษาและทำงานโดยสังเขปที่พูดถึงทักษะ ความรู้ คุณสมบัติการศึกษา และประวัติการทำงานของบุคคลนั้น ๆ เรซูเม่จะต่างกับ CV ตรงที่คุณสามารถปรับแต่งเรซูเม่ให้เข้ากับตำแหน่งงานที่คุณสมัครได้เพื่อแสดงความโดดเด่นของตัวคุณ คุณไม่จำเป็นต้องให้ข้อมูลเชิงลึกเทียบเท่า CV หรือในบางครั้งคุณอาจไม่จำเป็นต้องใส่กิจกรรมหรืองานพิเศษอื่น ๆ ที่ไม่เกี่ยวข้องกับงานที่สมัคร เรซูเม่ที่ดีจึงไม่ควรยาวเกิน 1-2 หน้ากระดาษเพื่อความกระชับของเนื้อหา

2. ความนิยมในการใช้ระหว่าง CV (Curriculum Vitae) และ Resume

CV (Curriculum Vitae) ประเทศที่ใช้ CV เป็นหลักคือประเทศอังกฤษ ไอร์แลนด์ นิวซีแลนด์ และประเทศในภูมิภาคยุโรป ในประเทศแถบนี้มักไม่ค่อยใช้เรซูเม่เท่าใดนัก

เรซูเม่ เป็นเอกสารการสมัครงานที่ใช้กันอย่างแพร่หลายโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

CV และเรซูเม่  
ประเทศที่นิยมใช้ทั้ง CV และเรซูเม่ คือประเทศในแถบภูมิภาคเอเชีย และแอฟริกาใต้ อิสเตรเลีย และอินเดียโดยจะใช้เรซูเม่ในการสมัครงานในบริษัทหรือภาคเอกชน และใช้ CV เพื่อการสมัครงานในตำแหน่งงานภาครัฐ

ดังนั้นเราจึงสามารถสรุปใจความสำคัญที่ใช้บอกความแตกต่างระหว่างเรซูเม่กับ CV ได้โดยย่อดังนี้ค่ะ
  1. ความยาว

       เรซูเม่เป็นเอกสาร 1-2 หน้ากระดาษที่มีเนื้อหากระชับรัดกุม ในขณะที่ CV เป็นเอกสารบอกรายละเอียดของประวัติการทำงานเชิงลึกที่ผ่านมาโดยละเอียด

  1. จุดมุ่งหมาย

       เรซูเม่ทำหน้าที่เหมือนเป็นสื่อในการโฆษณาประวัติและตัวตนของบุคคลที่มุ่งไปหาผู้ว่าจ้างให้รวดเร็วและตรงเป้าที่สุดเพื่อจะบอกว่าทำไมเขาหรือเธอถึงเป็นบุคคลที่ดีที่สุดที่เหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้น ๆ แต่จุดประสงค์ของการทำและการส่ง CV คือ ต้องการให้ผู้รับได้เห็นภาพรวมและได้ข้อมูลเชิงลึกของประวัติการศึกษาและทำงานและความสำเร็จทั้งชีวิตของบุคคลนั้น ๆ

  1. รูปแบบ

       CV มีแบบแผนและรูปแบบที่ค่อนข้างชัดเจนและแน่นอน คุณเพียงแค่ต้องเพิ่มรายละเอียดเรื่องความสำเร็จของคุณเมื่อเวลาผ่านไปเท่านั้น ในขณะที่เรซูเม่จะมีรูปแบบที่ยืดหยุ่นและปรับเปลี่ยนลดทอนได้ให้เหมาะกับงานแต่ละงานที่คุณสมัคร เรซูเม่จะถูกเขียนมาอย่างเจาะจงเพื่อให้ตรงตามคุณสมบัติหรือลักษณะของผู้สมัครที่งานนั้น ๆ ต้องการ


ขอบคุณที่มา : https://th.jobsdb.com/

 1152
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำงานโดยที่คนทำงานไม่มีความสุขนั้นส่งผลกระทบทั้งระบบ ไม่ว่าจะเป็นผลงานที่ไม่มีประสิทธิภาพ องค์กรไม่มีความก้าวหน้า ลองมาดูกันว่า อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้พนักงานไม่มีความสุขกับการทำงาน
1. สัญญาจ้างทำด้วยวาจาก็ได้ 2. นายจ้างไม่มีสิทธิเรียกรับหลักประกันการทำงาน เว้นทำงานเกี่ยวข้องกับเงิน หรือทรัพย์สินของนายจ้าง 3. เมื่อการประกันสิ้นสุดลง นายจ้างต้องคืนหลักประกันให้แก่ลูกจ้างภายใน 7 วัน 4. นายจ้างไม่มีสิทธิหักค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานวันหยุด เว้นแต่เป็นการหักตามที่กฎหมายกำหนด 5. ลูกจ้างลาออกไม่ต้องรอการอนุมัติก็มีผล 6. นายจ้างไล่ออกไม่ต้องเป็นหนังสือไล่ออกก็มีผล
การทำงาน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ซึ่งรูปแบบของการจ้างงานไม่ได้มีเพียงงานประจำและรอเวลาเกษียณอายุเพียงเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะการจ้างงานอีกหลายประเภท ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปได้ ในบทความนี้จะมาสรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าการจ้างงานมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์