เพื่อสำรวจแนวโน้มการปรับรูปแบบการทำงานของ HR ในอนาคต จากแบบสำรวจเราได้ถามผู้บริหารระดับสูงว่าปัจจุบันใช้เวลางานไปกับงานประเภทใดมากที่สุดและคาดว่าในอนาคตจะต้องใช้เวลากับงานส่วนใดมากที่สุด ผลสำรวจพบเทรนด์ที่น่าสนใจว่าผู้บริหารส่วนใหญ่มองว่างานที่ CPO หรือผู้นำฝ่าย HR ต้องหันมาโฟกัสมากที่สุดในตอนนี้คืองานที่เกี่ยวกับเทคโนโลยีและฐานข้อมูล ไม่ว่าจะเป็น HR tech หรือ people analytics ที่จำเป็นต่อการวิเคราะห์พฤติกรรมผู้สมัครและพนักงานเพื่อนำไปพัฒนากลยุทธ์ด้านทรัพยากรบุคคลให้มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รองลงมาได้แก่งานที่เกี่ยวกับการ transform องค์กรและสร้างวัฒนธรรมองค์กรให้พร้อมรับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตที่ผู้บริหารส่วนใหญ่มองว่าผู้ที่อยู่ในตำแหน่ง CPO ต้องหันมาโฟกัสงานส่วนนี้มากขึ้น รวมถึงปรับขั้นตอนการทำงานให้ lean ขึ้น เพื่อลดเวลาที่ใช้ไปกับการบริหารจัดการภายในทีมและเรื่องกฎระเบียบต่างๆ ลง เพื่อที่จะได้มีเวลาโฟกัสงานที่เป็น priority หลักสำหรับองค์กรมากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่าในอนาคต ส่วนงานใดบ้างของ HR ที่มีแนวโน้มจะใช้งานระบบ automation อย่างมาก หรือ มากที่สุด ผลสำรวจพบว่างานที่มีแนวโน้มจะใช้งานระบบ automation มากที่สุดคือ งานด้าน employee attraction เช่น การโพสต์ประกาศรับสมัครงาน การทำโฆษณารับสมัครงาน (75%) รองลงมาคืองานด้าน employee onboarding และ employee assessment (71%) เช่น การอบรมพนักงานเบื้องต้น การประเมินทักษะผู้สมัครและพนักงาน
ส่วนงานที่ผู้บริหารมองว่ายังต้องพึ่งพาคนอยู่มากและน่าจะใช้ AI เข้ามาทดแทนได้ยากคือ ส่วนงานด้าน employee promotion ที่ต้องตัดสินใจว่าจะเลื่อนขั้นให้ใคร (51%) และส่วนงานด้าน employee selection ที่เกี่ยวข้องกับการตัดสินใจเลือกผู้สมัครเข้ามาทำงานในขั้นตอนสุดท้าย (56%) รวมถึงงานด้าน employee evaluation ที่ยังคงต้องพึ่งพาคนในการสื่อสารและให้ฟีดแบ็คกับพนักงาน (58.2%) อย่างไรก็ตามแม้ผู้บริหารจะมองว่างานในสามส่วนนี้จะใช้ AI เข้ามาช่วยงานได้ยาก แต่ตัวเลขที่เกิน 50% นี้ก็เป็นสัญญาณสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าเทคโนโลยีจะเข้ามามีบทบาทในแทบทุกส่วนงาน จึงจำเป็นอย่างยิ่งที่คนทำงานด้าน HR จะต้องเตรียมพร้อมในการปรับทักษะด้าน HR tech และ data analytics เพื่อให้พร้อมรับมือกับรูปแบบการทำงานที่กำลังจะเปลี่ยนไป
จากบทบาทของผู้บริหารฝ่าย HR ที่เปลี่ยนไปจึงทำให้คุณสมบัติและทักษะที่มีต้องเปลี่ยนตาม ทักษะด้าน HR tech และ data analytics จึงเป็นทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคตมากที่สุด โดยผู้บริหารส่วนใหญ่ราว 90% มองว่า ความรู้ความเข้าใจด้าน data analytics และ people analytics เป็นทักษะที่ CPO จำเป็นต้องมีใน 5 ปีข้างหน้ามากที่สุด รองลงมาได้แก่ ทัศนคติที่เปิดกว้างพร้อมจะเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ (88%) และความรู้เกี่ยวกับ HR tech (87%)
ส่วนในอีก 20 ปีข้างหน้าทักษะด้าน creative thinking หรือ ทักษะความคิดสร้างสรรค์และการกระตุ้นให้เกิดความคิดสร้างสรรค์ในองค์กรจะกลายเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด (87%) เนื่องจากในอนาคตจะมีการใช้ระบบ automation เข้ามาผสมผสานในแทบทุกส่วนงานของ HR ดังนั้นสิ่งที่ผู้บริหารจำเป็นต้องมีคือความคิดสร้างสรรค์และความรู้ความเข้าใจที่จะต่อยอดการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด นำมาใช้สร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ๆ ที่จะช่วยแก้ปัญหาและพัฒนาการบริหารทรัพยากรบุคคลให้ดียิ่งขึ้น
สำหรับภาพรวมของทักษะที่จำเป็นสำหรับอนาคต จากกการสำรวจเราพบว่า 5 ทักษะที่ CPO หรือผู้บริหารในฝ่าย HR ควรมี อันดับหนึ่ง ได้แก่ “ทักษะที่เกี่ยวกับเทคโนโลยี” ไม่ว่าจะเป็นทักษะด้านดิจิทัล การวิเคราะห์ข้อมูล และความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับเทคโนโลยี ตามที่ได้กล่าวไปข้างต้น รองลงมาที่สำคัญไม่แพ้กันและจะละเลยไม่ได้เลยนั่นก็คือ “ทักษะทางสังคมและอารมณ์” โดยเฉพาะทักษะ empathy และ emotional intelligence เพราะการเข้าใจอารมณ์ความรู้สึกของพนักงานและทำให้พวกเขามีความสุขในการทำงานจะช่วยทำให้พนักงานสามารถทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและสร้างความสำเร็จให้กับองค์กร รวมไปถึงภาวะผู้นำที่จำเป็นอย่างมากในการบริหารคน ส่วนอันดับสามได้แก่ “ทักษะในการแก้ไขปัญหา” เช่น ความคิดสร้างสรรค์ การเปิดรับที่จะเรียนรู้และทดลองสิ่งใหม่ๆ อันดับสี่ ได้แก่ “ทักษะที่เกี่ยวกับการบริหารจัดการระบบ” เช่น ทักษะการคิดและวิเคราะห์เชิงระบบ ทักษะการบริหารจัดการความเสี่ยงเป็นต้น และอันดับที่ 5 ได้แก่ “ทักษะด้านการบริหารจัดการทรัพยากร” เช่น ทักษะการบริหารจัดการด้านการเงิน ทักษะการบริหารเวลา เป็นต้น ดังนั้นหากคุณอยากประสบความสำเร็จในงานสาย HR ก็จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องพัฒนาและฝึกฝนทักษะเหล่านี้เพื่อที่จะปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลงที่กำลังจะมาถึง
การเปลี่ยนแปลงในโลกธุรกิจและการพัฒนาของเทคโนโลยีส่งผลกระทบสำคัญมายังรูปแบบการทำงานของ HR ที่จำเป็นต้องปรับให้สอดคล้องกับความเปลี่ยนแปลงและตอบโจทย์ธุรกิจที่เปลี่ยนไป สำหรับบทบาทของผู้นำทีม HR ในอนาคต เหล่าผู้บริหารเห็นตรงกันว่าจำเป็นที่จะต้องปรับบทบาทมาโฟกัสด้านเทคโนโลยีและการวิเคราะห์ฐานข้อมูลมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ต้องไม่ลืมที่จะให้ความสำคัญกับการบริหารอารมณ์ของพนักงานและโอบรับช่วยเหลือพนักงานทุกคน เรียกได้ว่าต้องมีพร้อมทั้ง soft skill และ new skill ดังนั้นผู้ที่จะก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำทีม HR จึงต้องทำตัวเป็นน้ำที่ไม่เต็มแก้วอยู่เสมอ พร้อมที่จะ unlearn relearn และ reset กลยุทธ์การบริหารคนและวิธีการทำงานเพื่อหา solution ที่ดีที่สุดสำหรับองค์กร
บทความโดย : https://adecco.co.th/