ฝ่ายสรรหาบุคคลากรพิจารณา Resume อย่างไร

ฝ่ายสรรหาบุคคลากรพิจารณา Resume อย่างไร

หลังจากได้ประกาศรับสมัครงานไปแล้ว งานต่อไปที่หนักหน่วงสำหรับฝ่ายสรรหาบุคคลากร ก็คือ การคัดเลือก Resume โดยเริ่มจากการอ่าน ให้คัดพวกที่เขียนผิดหรือใช้ไวยากรณ์ ไม่ถูกต้องออกก่อน แล้วหลังจากนั้นจึงมาใช้เวลาในการหาข้อผิดพลาดอื่นๆที่จะทำให้เห็นถึงบางสิ่งบางอย่างของผู้สมัครงานนั้น

พิจารณาจาก

E-mail Address

ก่อนอื่น ให้ดูการตั้งชื่อและ E-mail ที่ใช้ คนที่มีความตั้งใจในการหางานควรกำหนด E-mail ที่ง่ายและดูเป็นมืออาชีพ ลองคิดดูว่าถ้าคุณได้รับ E-mail จาก sexy@cmail.com โดยแนบ Resume ส่งมาด้วย คุณคงอยากทิ้ง Resume นั้น เพราะแสดงให้เห็นว่า คนที่ส่ง Resume นั้นไม่ได้ตั้งใจหรือให้ความสนใจในการสมัครงานอย่างจริงจัง คนอีกประเภทก็คือ คนที่ส่ง Resume มาสมัครงานโดยใช้ E-mail ของบริษัทที่ตนกำลังทำงานอยู่ส่งมาให้ การที่เขาใช้ E-mail address ของบริษัทมาใช้ในการติดต่อหางานก็แสดงให้เห็นความเห็นแก่ตัวที่ใช้ทรัพยากรของบริษัท
ในการหางาน ซึ่งเป็นการผิดหลักจริยธรรมของคนหางาน ซึ่งไม่น่าที่จะได้รับการยอมรับการพิจารณาตั้งแต่แรก แม้ว่า Resume ของเขาจะน่าสนใจเพียงใดก็ตาม

สิ่งที่ใส่ใน Resume

ถ้าคนหางานใส่เรื่องเกี่ยวกับงานอดิเรกของเขาไว้เกินความจำเป็น ซึ่งอาจจะเป็นเพราะความภาคภูมิใจในการได้รับรางวัลเป็นนักกีฬายอดเยี่ยม หรือได้รับรางวัลใดจากงานอดิเรกนั้น
แต่ในอีกมุมมองหนึ่งก็คือ เขาพยายามจะใส่สิ่งที่ไร้ประโยชน์เข้าไปใน Resume เพื่ออยากให้ดูดีกว่าคนอื่น(หรือแค่ใส่เข้าไปเพื่อให้ Resume ดูมีเนื้อหามากขึ้น) การที่ใส่งานอดิเรกเหนึ่งหรือสองอย่างเข้าไปใน Resume อาจจะไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร แต่เขาควรจะรู้ว่า บริษัทกำลังมองหาคนทำงานที่ตัว " คุณสมบัติ " ไม่ใช่ " งานอดิเรก " ถ้าใส่เข้าไปมากเกินไป ก็ชวนให้คิดได้ว่า
เขาไม่มีประสบการณ์ทำงานเพียงพอ จึงต้องพยายามใส่สิ่งเหล่านี้เข้าไปเพื่อเพิ่มปริมาณเนื้อหาภายใน Resume นั้น (เว้นแต่ว่า งานอดิเรกนั้นมีอะไรเกี่ยวข้องกับตำแหน่งงานที่เขาสมัครเท่านั้น)

สำหรับคนหางานบางคนก็ใส่ประสบการณ์ทำงานที่เคยทำทั้งหมดเข้าไปใน Resume ทั้งที่ประสบการณ์นั้นไม่ได้เกี่ยวกับตำแหน่งงานที่เขาสมัครงานเลย การที่ใส่ประสบการณ์ทำงานทั้งหมดเข้าไปใน Resume อาจทำให้คิดได้ว่า เขาไม่มีคุณสมบัติหรือประสบการณ์ที่ตรงกับงานที่เขาสมัคร หรืออาจเป็นเพราะ Resume ฉบับนั้นเป็นของโหลที่ร่อนส่งไปทั่วโดยหวังว่า
คงจะมีสักแห่งที่จะทำให้เขาได้งานนั้น

Resume แย่ ๆ ที่มักจะพบก็คือ การใช้รูปประโยคที่ยืดยาว และใช้ย่อหน้ามากและบ่อยเกินความจำเป็น การอธิบายที่มากมายจนกลายเป็นโอ้อวด ไม่ว่าจะทำเพื่อให้ดูว่า เขาช่างเป็นบุคคลที่มีความเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้นๆ อย่างมากหรือไม่ก็ตาม

Resume ที่ดี จะต้องสื่อความได้ชัดเจน แสดงถึงความสำเร็จของตนเองอย่างปกติ ถ้าเขาเขียนถึงประสบการณ์ทำงานที่ดูเหมือนกับ Job Description ของตำแหน่งงานนั้นมากกว่า
จะแสดงให้เห็นถึงผลสำเร็จของงาน แสดงว่า เขาไม่ได้อ่านหรือใช้เวลาในการศึกษาเกี่ยวกับตำแหน่งงานที่เขาสมัครมากพอ และเมื่อเราพบคนที่คิดว่าน่าจะเหมาะสมกับตำแหน่งงานนั้น
แต่ถ้าเขาไม่สามารถบอกได้อย่างชัดเจนว่า ทำไมเขาจึงเป็นผู้ที่เหมาะสมที่สุด ก็น่าจะไปพิจารณาคนอื่นแทนเช่นกัน

รูปแบบ Resume

รูปแบบของ Resume ควรจะทำให้อ่านง่าย ถ้าเป็น Resume ที่ผ่านสื่ออินเตอร์เน็ต ให้ดูว่า เขาเอาใจใส่ในการทำ Resume เพื่อสมัครงานในตำแหน่งงานนั้นมากน้อยเพียงใด
หากพบว่ามีส่วนไหนที่มีรูปแบบและการเขียน Resume โดยใช้คำที่พบเห็นทั่วไป เช่น คำใน Job Description อาจจะแสดงให้เห็นว่า เขาแค่ copy ข้อความของ Job description จาก Website ของบริษัทที่เขาเคยทำงานอยู่มาวางไว้เท่านั้น หรือไม่ก็ไป Copy มาจากตัวอย่าง Resume ที่มีอยู่ในอินเตอร์เน็ตทั่วๆไปมาใส่ไว้ สิ่งต่างๆเหล่านี้ก็เป็นเหมือนส่วนที่เขาโรยหน้า Resume มาให้ดู เพราะฉะนั้น จึงควรที่จะพิจารณา Resume อย่างระมัดระวัง ซึ่งจะช่วยให้เราคัดเอาคนที่ไม่เหมาะสมออก เพื่อนัดคนที่เหมาะสมมาสัมภาษณ์ด้วยการใช้คำถามที่เจาะลึกมากขึ้น สิ่งที่เราพบเห็นจาก Resume จะทำให้เราสามารถพิจารณาได้ว่า ผู้สมัครนั้นแค่พยายามจะทำให้เขาดูน่าสนใจเท่านั้น หรือเขามีความสนใจอย่างจริงจังในตำแหน่งงานที่เขาสมัคร

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิก!!

ขอบคุณแหล่งที่มา : http://www.one-stophr.com

 313
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำงาน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ซึ่งรูปแบบของการจ้างงานไม่ได้มีเพียงงานประจำและรอเวลาเกษียณอายุเพียงเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะการจ้างงานอีกหลายประเภท ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปได้ ในบทความนี้จะมาสรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าการจ้างงานมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์