ลักษณะผู้นำแบบไหน ไปสุดทั้งเรื่องงานและการบริหารคน

ลักษณะผู้นำแบบไหน ไปสุดทั้งเรื่องงานและการบริหารคน


การก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำนั้นคือความรับผิดชอบที่ยิ่งใหญ่ และการเป็นผู้นำที่มีภาวะผู้นำไม่ใช่เรื่องยากแต่ก็ไม่ใช่เรื่องง่ายเช่นกัน เพราะท้ายที่สุดในบทบาทนี้คือการบริหารคนที่มีความคิดที่แตกต่าง มีความหลากหลาย ทำให้เราเปิดมุมมองอีกมากมายแทบนับไม่ถ้วน แต่การบริหารคนในองค์กรให้ราบรื่น ก็ขึ้นอยู่กับเราด้วยล่ะครับว่าจะปฏิบัติตัวอย่างไร เอาใจใส่คนของเราแค่ไหน มีทัศนคติต่อการทำงานยังไง แม้ต้องอยู่ท่ามกลางคนที่มีความคิดที่แตกต่างจากเรา

ซึ่งการบริหารงานบุคคลที่มีความหลากหลายนี่แหละคือข้อมูลชั้นดีในการนำมาพัฒนา มอบหมายงานที่สร้างแรงจูงใจในการทำงานเพราะลูกน้องหรือคนที่อยู่ใต้บังคับบัญชาจะมองเราอยู่เสมอ ถ้าหากผู้นำของเขาเป็นตัวอย่างที่ดีคำพูดของคุณก็ย่อมศักดิ์สิทธิ์เป็นหลายเท่า ผมเลยจะมาแนะนำหลักการบริหารด้วยแนวคิด DISC ให้ฟังกัน เพื่อให้ผู้บริหารทุกท่านได้ทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกันครับ

จากตารางข้างต้น เราสามารถแบ่งพฤติกรรมได้สองกลุ่ม คือ

1.พฤติกรรมเชิงรุก คนกลุ่มนี้จะเป็นคนทำงานค่อนข้างเร็ว มีความคิดก้าวไปข้างหน้า ตื่นตัว เน้นการลงมือทำเพื่อสร้างผลลัพธ์ จะเป็นกลุ่ม D (DOMINANCE) และ I (INFLUENCE)

2.พฤติกรรมเชิงรับ คนกลุ่มนี้จะเป็นคนทำงานค่อนข้างช้า มีกรอบทางความคิด ทำงานเป็นขั้นเป็นตอน มีความละเอียดในการทำงานสูง จะเป็นกลุ่ม S (STEADINESS) และ C (COMPLIANCE)

ฟังดูสูสีกันมากใช่ไหมครับ เพราะผู้นำทั้งสองกลุ่มนี้ไม่มีใครเด่นไปกว่าใคร หากนำจุดแข็งมาใช้ได้อย่างถูกต้อง คุณก็จะกลายเป็นผู้นำที่น่านับถือในสายตาลูกน้อง ฉะนั้นถ้าเราทำงานได้อย่างรวดเร็ว ก็ต้องมีคุณภาพด้วยเสมอหรือถ้าเป็นคนละเอียด ก็ต้องสามารถทำงานให้ทันตามกำหนด

สิ่งที่น่าสนใจสำหรับกลุ่มพฤติกรรมเชิงรุกและเชิงรับก็คือ

1.เน้นเรื่องงาน คือ การใส่ใจที่ตัวเนื้องานหลักก่อนเรื่องส่วนตัว

2.เน้นเรื่องคน จิตใจ คือ การใส่ใจที่ความรู้สึกของคนก่อนเรื่องงาน

หากดูที่การโฟกัส กลุ่ม D (DOMINANCE) และ C (COMPLIANCE) จะโฟกัสที่งานเป็นหลักทั้งคู่ ส่วน I (INFLUENCE) และ S (STEADINESS) จะเน้นการโฟกัสที่คน/จิตใจทั้งคู่ ยกตัวอย่าง ถ้ามีเจ้านายมาถึงที่ทำงาน ถามถึงเรื่องงานก่อนเรื่องอื่น ๆ ให้คิดว่า เขาใส่ใจเนื้องานเป็นหลัก แต่หากเจ้านายมาถึงที่ทำงาน ได้มีการถามสารทุกข์สุกดิบ เน้นการพูดคุยทักทายมีความเป็นกันเอง ให้คิดว่า เขาใส่ใจที่คนเป็นหลักครับ

กล่าวคือการเป็นผู้นำที่ดีควรจะมีครบทั้งสี่กลุ่ม ใส่ใจที่คน ใส่ใจที่งาน มีความรวดเร็วในกระบวนการความคิด และมาพร้อมกับความละเอียดรอบคอบนั้นเอง ต่อไปเราจะมาวิเคราะห์คนทั้ง 4 กลุ่มกันครับว่า สามารถนำจุดเด่นข้อไหน มาปรับใช้กับการบริหารงานได้บ้าง

D (DOMINANCE) เน้นการทำงานให้เสร็จทันเวลา

คนกลุ่มนี้เน้นความเร็วในการทำงานและโฟกัสที่งานเป็นหลัก ผู้นำมักมีความคาดหวังว่าพนักงานจะทำงานไปถึงเป้าหมายได้ ดังนั้นเมื่ออยู่ในเวลางาน ผู้นำควรมีความคิดเรื่องงานที่ชัดเจน คิดถึงผลลัพธ์ในการทำงาน เพื่อทำให้งานเกิดเป็นรูปธรรมให้มากขึ้น คำนึงถึงเวลาในการทำงานเพื่อการส่งมอบหมายงานให้รวดเร็ว แต่เด็ดขาดในการตัดสินใจ ทั้งปัญหาในการทำงาน และปัญหาของคนเพื่อให้เกิดความเรียบร้อยในการทำงานภายในองค์กร

I (INFLUENCE) เน้นสร้างบรรยากาศในการทำงาน และกระตุ้นความกล้าแสดงออก

คนกลุ่มนี้เน้นความเป็นมนุษย์มากขึ้น มีความเป็นกันเอง ยืดหยุ่น ไม่ถือตัว มีรอยยิ้มเพื่อดึงดูดให้ลูกน้องกล้าเข้าหามากกว่าถอยหนี มีความเป็นประชาธิปไตยชอบทำงานแบบทีม มากกว่าชี้นิ้วสั่งงาน ซึ่งผู้นำที่ดีควรกล้าเปิดใจ ให้อิสระในการทำงานต่อลูกน้อง พร้อมแชร์ไอเดียซึ่งกันและกัน และมีการช่วยเหลือลูกน้องหากลูกน้องทำงานผิดพลาด รวมถึงเขาจะรู้ว่า ถ้าลูกน้องเกิดปัญหาเขาจะพร้อมอยู่เคียงข้าง หรือหากลูกน้องทำงานได้ดี เขาจะมีจิตวิทยาในการกระตุ้นคนเพื่อให้เกิดไฟในการทำงานผ่านการสื่อสารด้วยคำพูดเชิงบวก

S (STEADINESS) เน้นการเปิดใจรับฟังปัญหาและความคิดเห็นของลูกน้อง

คนกลุ่มนี้เน้นการทำงานที่รอบคอบ แต่พร้อมที่จะรับฟังความคิดเห็นมากกว่าการพูดเพราะต้องการให้มีความราบรื่นในการทำงาน ดังนั้นทุกคำพูดเขาจะกลั่นกรองออกมาด้วยถ้อยคำที่สุภาพ ซึ่งผู้นำกลุ่มนี้จะเป็นคนที่มีความอดทนสูง  มีความยืดหยุ่น มีน้ำใจ ใจดี ชอบช่วยเหลือลูกน้อง ทำให้ลูกน้องไม่กดดันในการทำงานเพราะไม่เร่งรีบกับการทำงานที่มากเกินไป ซึ่งบางครั้งการทำงานต้องมีความเห็นอกเห็นใจลูกน้องบ้าง เพื่อการทำงานที่ราบรื่นและบรรยากาศที่ดีในการทำงาน

C (COMPLIANCE) เน้นการวางแผนและทำงานอย่างเป็นระบบ

คนกลุ่มนี้เน้นการทำงานที่มีความสะเอียดสูงมาก มีมาตรฐานในการทำงานที่ชัดเจน มีแบบแผนในการทำงานทุก ๆ เรื่อง และเน้นการทำงานเป็นหลัก เนื้องานต้องมีความละเอียด มีเหตุผล มีหลักฐานในการวิเคราะห์ข้อมูลก่อนตัดสินใจลงมือทำ มักตรวจสอบการทำงานเพื่อความละเอียด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดและเสียเวลาในการแก้ไขงาน แต่หากเราทำงานด้วยการวางแผนให้รอบคอบ ทำงานเป็นขั้นตอนเดินตามระบบย่อมทำให้งานออกมามีมาตรฐานได้ครับ

สรุปแล้วการเป็นผู้นำที่ดี ที่มีความสามารถทั้งการบริหารงานและบริหารคน ควรนำข้อดีของคนทั้ง 4  นี้มาประยุกต์ใช้เพื่อแสดงถึงความใส่ใจในตัวงาน และใส่ใจในตัวบุคคลไปพร้อม ๆ กัน


บทความโดย : อ.มงคล กรัตะนุตถะ กรรมการผู้จัดการสถาบันฝึกอบรมด็อกเตอร์ฟิช 
 619
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร
การจัดกะพนักงาน คือ กระบวนการวางแผนและจัดระเบียบเวลาทำงานของพนักงานให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรในแต่ละช่วงเวลา โดยแบ่งเวลาทำงานออกเป็นหลายช่วง (หรือหลายกะ) เพื่อให้มีพนักงานเพียงพอในการปฏิบัติงานตลอดเวลา เช่น ในกรณีขององค์กรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงหรือมีความต้องการกำลังคนที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์