เราพบว่าผู้สมัครนิยมส่วนใหญ่สมัครงานผ่านออนไลน์เป็นหลักโดยช่องทางที่ได้รับความนิยมสูงสุดคือ “เว็บไซต์หางาน” (Job Portal) คิดเป็น 68.2% ซึ่งได้รับความนิยมอย่างสูงในหมู่ผู้สมัคร Gen Y
ส่วนช่องทางที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับสองได้แก่ “Recruitment Agency” โดยมีผู้สมัครไว้ใจหางานผ่านช่องทางนี้กว่า 10% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นพนักงาน Gen X ที่มีตำแหน่งงานระดับหัวหน้างาน ผู้จัดการ และผู้บริหาร
อันดับสาม ได้แก่ “LinkedIn” อีกหนึ่งแพลตฟอร์มหางานออนไลน์ที่ได้รับคะแนนโหวตจากผู้สมัคร 8% โดยผู้สมัครที่นิยมหางานจาก LinkedIn ส่วนใหญ่เป็นผู้สมัครที่มีตำแหน่งงานระดับ specialist และมีความเชี่ยวชาญในงานเฉพาะทาง
สำหรับ Baby Boomer จากการสำรวจพบว่าพวกเขานิยมใช้วิธีการแนะนำผ่านคนรู้จักในการหางานมากที่สุด
2.ผู้สมัครใส่ใจ “Job Description” “เงินเดือน” และ “สถานที่ทำงาน” ในประกาศรับสมัครงานมากที่สุด
ในขั้นตอนการประกาศรับสมัครงาน เราพบว่าสิ่งที่ผู้สมัครสนใจต้องการทราบมากที่สุด ได้แก่ “หน้าที่และลักษณะงาน” หรือ “Job Description” มากถึง 89% รองลงมาคือ “เงินเดือน” อยู่ที่ 81% สองสิ่งนี้ถือเป็นปัจจัยหลักที่ผู้สมัครตัดสินใจเลือกสมัครงาน HR จึงควรให้ความสำคัญในการเขียน Job Description ให้มากยิ่งขึ้น เพื่ออธิบายลักษณะงานให้ชัดเจนและน่าดึงดูดสำหรับผู้สมัคร รวมถึงระบุช่วงเงินเดือนให้ผู้สมัครทราบเพื่อให้ผู้สมัครสามารถตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
อีกประเด็นที่น่าสนใจคือ “สถานที่ทำงาน” ที่ตามมาเป็นอันดับสาม อยู่ที่ 47% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงปัญหาการเดินทางและปัญหารถติดของคนกรุงเทพและปริมณฑล ทำให้ผู้สมัครนำสถานที่ทำงานมาเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่สำคัญในการพิจารณาสมัครงาน สอดคล้องกับผลสำรวจ Resetting Normal ของ Adecco ที่พบว่าพนักงานกว่า 80% ต้องการให้องค์กรมีนโยบาย work from home เพื่อลดเวลาการเดินทาง เพิ่มเวลาใช้ชีวิตให้มากขึ้น ดังนั้นหากองค์กรมีที่ตั้งสำนักงานในทำเลที่สามารถเดินทางได้สะดวก หรือมีนโยบาย work from home ที่ยืดหยุ่นให้พนักงาน ก็จะสามารถช่วยดึงดูดผู้สมัครให้มาร่วมงานกับองค์กรได้มากยิ่งขึ้น
เมื่อถามว่าผู้สมัครพิจารณาปัจจัยอะไรในการเลือกงานบ้าง ผู้สมัคร 89% ตอบว่า “เงินเดือน” คือสิ่งที่พวกเขาให้ความสำคัญมากที่สุด ซึ่งตรงกันในทุก generation แต่ผู้สมัครก็ยังพิจารณาปัจจัยอื่นๆ ประกอบด้วย จากการสำรวจเราจะพบว่า Gen Z - ซึ่งอยู่ในช่วงเริ่มต้นทำงานจะมองเรื่องความก้าวหน้าและโอกาสเรียนรู้งาน ขณะที่ Gen Y ซึ่งทำงานมาได้สักระยะแล้วจะเริ่มมองหาองค์กรที่มีความมั่นคง ด้าน Gen X ที่เริ่มเข้าสู่วัยกลางคนจะให้ความสำคัญกับสมดุลการใช้ชีวิตมากขึ้น โดยมองเรื่องความสะดวกสบายและระยะเวลาในการเดินทางเป็นปัจจัยประกอบในการพิจารณาเลือกงาน ส่วน Baby Boomer ซึ่งมีอาวุโสสูงสุดจะให้ความสำคัญเรื่องความมั่นคงขององค์กรมากที่สุด ดังนั้นในการเขียน Job Description หรือ คอนเทนต์ต่างๆ HR อาจพิจารณานำประเด็นเหล่านี้มาหาวิธีเล่าให้น่าสนใจเพื่อสร้างจุดจูงใจให้ผู้สมัครอยากเข้ามาร่วมงานกับองค์กร
4.ผู้สมัครต้องการความรวดเร็ว
ผู้สมัครในยุคดิจิทัลย่อมคาดหวังความรวดเร็วและการตอบสนองที่ทันใจ โดยจากการสำรวจของ Adecco พบว่า ผู้สมัครคาดหวังให้ระยะเวลาการกรอกข้อมูลและสมัครงานที่หน้าเว็บไซต์ลดลง จากเดิมที่ใช้เวลาราว 15 - 30 นาที ต่อการสมัครงานแต่ละครั้ง โดยผู้สมัคร 29% มองว่าการสมัครงานไม่ควรใช้เวลาเกิน 15 นาที ขณะที่อีก 23% มองว่าไม่ควรเกิน 10 นาที และอีก 8% มองว่าไม่ควรเกิน 5 นาที
นอกจากนี้ผู้สมัครส่วนใหญ่ราว 58% ยังคาดหวังให้มี auto-reply mail เพื่อแจ้งสถานะการสมัครแต่ละขั้นตอน รวมถึงคาดหวังให้มีการแจ้งผลการสมัครภายใน 1-2 สัปดาห์ โดย 23% ต้องการให้แจ้งผลภายใน 7 วัน และ 16% ต้องการให้แจ้งผลภายใน 15 วัน
HR จึงควรลดการกรอกข้อมูลหรือเอกสารที่ไม่จำเป็น ปรับปรุงระบบการสรรหาให้ agile ยิ้งขึ้น นำเทคโนโลยีมาช่วยลดขั้นตอนการทำงาน เพื่อให้การสรรหาเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น
5.ผู้สมัครจะไม่ร่วมงาน ไม่สนับสนุนสินค้าและบริการขององค์กร หากมีประสบการณ์การสมัครและสัมภาษณ์งานที่ไม่ดี
เมื่อถามถึงรูปแบบการสัมภาษณ์ที่ผู้สมัครคาดหวัง ผู้สมัครชอบการสัมภาษณ์แบบตัวต่อตัวมากที่สุด (79%) โดยต้องการให้ผู้สัมภาษณ์ถามคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องงาน (44%) โดยไม่ถามเรื่องที่เป็นส่วนตัวมากจนเกินไป และแสดงออกถึงความตั้งใจฟังคำตอบ (18%) และคาดหวังให้บรรยากาศสัมภาษณ์มีความเป็นมิตร (17%)
HR และหัวหน้างาน อาจต้องกลับมาทบทวนคำถามสัมภาษณ์ใหม่อีกครั้งว่ามีเนื้อหาที่เป็นส่วนตัวมากจนเกินไปหรือไม่ และให้ความสำคัญกับประเด็นคำถามที่เกี่ยวกับเรื่องงานเป็นหลัก รวมถึงเลิกใช้วิธีการสัมภาษณ์แบบกดดันเพื่อทดสอบความสามารถในการับมือกับความกดดันของผู้สมัคร เพราะจะเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ไม่ดีให้กับผู้สมัครและส่งผลเสียต่อภาพลักษณ์องค์กร โดย 93% ระบุว่าประสบการณ์การสมัครงานและสัมภาษณ์งานที่ไม่ดี มีผลต่อการตัดสินใจเข้าร่วมงาน และอีก 75% ระบุว่ามีผลต่อการตัดสินใจไม่สนับสนุนสินค้าและบริการขององค์กรในอนาคตอีกด้วย
ทั้งนี้ หลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 เชื่อว่า การพฤติกรรมและความต้องการของผู้สมัครอาจมีการเปลี่ยนแปลงไปบ้าง เช่น หลายคนอาจจะเลือกและเริ่มชำนาญในการสัมภาษณ์งานทางออนไลน์มากขึ้น เพื่อความปลอดภัยจากความเสี่ยงในการติดเชื้อ
ขณะที่เกณฑ์การพิจารณาเลือกองค์กรที่จะสมัครงานหรือร่วมงานด้วย ก็จะเริ่มให้น้ำหนักกับความมั่นคงมากยิ่งขึ้น โดยนิยามของความมั่นคงอาจต่างไปจากเมื่อก่อนที่วัดจากขนาดและชื่อเสียงขององค์กรเป็นหลัก แต่ปัจจุบันอาจะเปลี่ยนเป็นโอกาสการเติบโตขององค์กรในอนาคตโดยดูจากประเภทธุรกิจและอุตสาหกรรมขององค์กร รวมถึงโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาตัวเองเพื่อสร้างความมั่นคงในอาชีพ และโอกาสการทำอาชีพที่สองเพื่อรองรับความไม่แน่นอนและสร้างความมั่นคงทางรายได้
แต่ไม่ว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร ผู้สมัครงานทุก Gen ก็ยังคงให้ความสำคัญกับความชัดเจนของข้อมูล ความรวดเร็วในขั้นตอนการสมัคร และประสบการณ์ที่ได้รับจากองค์กรตลอดขั้นตอนของการสรรหา ซึ่งผู้ที่มีส่วนในกระบวนการนี้ทุกฝ่ายจำเป็นที่จะต้องใส่ใจ ปรับปรุง และพัฒนากลยุทธ์ candidate experience journey เพื่อสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งเป็นหนึ่งในหัวใจสำคัญของการพัฒนาองค์กรอย่างยั่งยืน
ที่มา : adecco.co.th/th