สร้างทีมอย่างมีกลยุทธ์ รุกถึงเป้าหมาย

สร้างทีมอย่างมีกลยุทธ์ รุกถึงเป้าหมาย



การทำงานเป็นทีมย่อมบรรลุเป้าหมายได้ง่ายกว่าการทำงานคนเดียว ดังนั้นถ้าเราเปิดใจและช่วยกันระดมความคิด ผลลัพธ์ต้องออกมาดีกว่าที่คาดหวังเอาไว้อย่างแน่นอน

สำหรับยุคนี้ บริษัทส่วนใหญ่เน้นการทำงานเป็นทีมมากขึ้น เพื่อให้งานหนึ่งชิ้นมีหลากหลายความคิดจากคนหลายคนเข้ามารวมกัน จนเกิดเป็นก้อนไอเดียที่เจ๋งที่สุด เพราะมนุษย์เรานั้นมีความสามารถที่จำกัด การมีหลายหัวย่อมดีกว่าหัวเดียว ทำให้การนำความสามารถของแต่ละคนมารวมกัน ยิ่งเพิ่มประสิทธิภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณ และยังช่วยเปลี่ยนเรื่องยาก ๆ ให้กลายเป็นเรื่องง่ายยิ่งกว่าเดิม

แม้จะเก่งและมีความรู้มากแค่ไหน แต่สุดท้ายแล้วไม่มีใครที่ทำงานด้วยตัวคนเดียว เพราะวงจรการทำงานของทุกคนนั้นมีทั้ง หัวหน้า เพื่อนร่วมงาน ลูกน้อง และลูกค้า คนเป็นฟรีแลนซ์ก็เช่นกันครับ เพราะสายอาชีพนี้ก็ต้องรับงานจากเออี หรือผู้ประสานงาน และส่งให้กับลูกค้าที่เป็นคนตัดสินใจ 

และเมื่อต้องทำงานเป็นทีมแล้ว สิ่งสำคัญที่สุดคือทัศนคติที่มองคนอื่น เป็นตัวที่สะท้อนความคิดของเราได้เป็นอย่างดี การร่วมงานกับคนอื่นนั้นนอกจากจะต้องเปิดใจแล้ว ก็ต้อง “เข้าใจ” อีกฝ่ายด้วยเช่นกัน เพื่อให้คนทำงานมีความสุข และกระบวนการการทำงานมีความคล่องตัวมากยิ่งขึ้น

การจะนำทีมไปสู่ความสำเร็จนั้นต้องมีองค์ประกอบดังนี้

1.มีผู้นำทีมที่เข้มแข็ง กล้าคิด กล้านำ กล้าทำ

2.มีสมาชิกในทีมขยันขันแข็ง เอาการเอางาน ให้ความร่วมมือ

3.มีวัตถุประสงค์ เป้าหมายของทีม มีเป้าหมายร่วมกันชัดเจน สื่อสารพูดคุยถ่ายทอดข้อมูลเป้าหมายร่วมกันบ่อย ๆ สมาชิกทุกคนรู้จักบทบาทหน้าที่ตนเอง 

4.มีความร่วมมือร่วมใจ ช่วยเหลือเกื้อกูลกันในการทำงานและร่วมกันสร้างบรรยากาศในการทำงานที่ดี เมื่องานของตนเองเสร็จแล้วก็ต้องช่วยเหลือเพื่อนร่วมงาน และต้องมีความเกรงใจ ให้เกียรติกันตลอดเวลา

สิ่งเหล่านี้จะทำให้เกิดคำว่า “ทีม” กลุ่มคนที่มีเป้าหมายเดียวกัน แม้จะมีความคิดที่แตกต่าง แต่ทุกคนล้วนใช้เหตุผลในการทำงาน ให้เกียรติซึ่งกันและกัน นำสิ่งที่แตกต่างนั้นหลอมรวมออกมาเพื่อพัฒนาองค์กรต่อไป และสิ่งสำคัญที่จะทำให้เกิด “ทีม” ได้ต้องมี 3 อย่างนี้ไปพร้อม ๆ กันนั่นก็คือ ร่วมใจ ร่วมคิด และ ร่วมทำ

- ร่วมใจ

ความรู้สึกของสมาชิกในทีมและความศรัทธาในหัวหน้าทีม รวมไปถึงงานที่ทำ มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ เคารพและให้เกียรติซึ่งกันและกัน จนเกิดความไว้วางใจต่อกัน จะช่วยให้การทำงานเป็นไปอย่างราบรื่นมากขึ้น 

- ร่วมคิด 

การระดมสมอง หรือบางองค์กรเรียกว่า Brainstorm คือการช่วยกันคิดและแชร์ไอเดียต่อโปรเจ็กต์ เพื่อให้นำไอเดียแต่ละก้อนมารวมกันเพื่อให้เป็นประโยชน์ให้ได้มากที่สุด เป็นสิ่งที่ทำให้เพื่อนร่วมงานเกิดความเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน มีการแบ่งงานและหน้าที่อย่างชัดเจน ทำให้โปรเจ็กต์ดำเนินไปอย่างรวดเร็วมากขึ้น

- ร่วมทำ 

คือการลงมือทำตามหน้าที่ที่ได้วางเอาไว้ หลังจากที่ได้ร่วมกันคิดมาก่อนหน้านี้ เป็นการทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง เมื่อมีปัญหาเกิดขึ้นก็จะช่วยกันแก้ไขว่าจะหาทางออกอย่างไรให้ถูกจุดที่สุด 

แต่ถ้ามีแค่ 3 สิ่งนี้คงไม่พอสำหรับการทำงานเป็นทีมครับ เพราะการทำงานทุกอย่างต้องใส่ “ใจ” เข้าไปทุกครั้ง เพื่อให้เกิดผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง มาดูไปพร้อมกัน

1. ใจรัก 

ผู้นำต้องรักลูกน้องให้เท่ากันทุกคน ไม่มีเลือกที่รักหรือมักที่ชัง เปิดใจรับฟังข้อเสนอของลูกน้อง เพื่อให้เกิดการทำงานเป็นทีมอย่างแท้จริง และที่สำคัญที่สุดควรมีใจรักในงานที่ทำ เป็นความคิดที่จะช่วยส่งเสริมให้ตัวเองพัฒนาการทำงานได้ก้าวหน้าขึ้นไปถึงความสำเร็จ

2. ใจใส

ผู้นำต้องทำจิตใจให้โปร่งใสและเปิดใจให้กว้าง ไม่มองผู้ที่อยู่ใต้บังคับบัญชาด้วยการจับผิดหรือในแง่ร้าย ควรส่งเสริมลูกน้องให้มีกำลังใจที่ดีในการทำงาน เป็นการให้เกียรติซึ่งกันและกัน พร้อมกับความโอบอ้อมอารีเมื่อลูกน้องทำผิดพลาด  จะทำให้ลูกน้องเคารพและมีความระมัดระวังในการทำงานมากขึ้น

3. ใจใส่

คือความเอาใจใส่ที่ผู้นำทุกคนควรมี ต้องรู้จักพัฒนาลูกน้องให้มีความสามารถเพิ่มพูนมากขึ้น โดยเฉพาะการมอบหมายงานที่มีความท้าทาย เพื่อให้ฝึกกระบวนการคิด แก้ไขปัญหา และให้เขาสามารถเติบโตได้ด้วยตัวเองในอนาคต การมีลูกน้องเก่งกว่านั้นคือความภาคภูมิใจของหัวหน้า เพราะแสดงให้เห็นว่าทีมของคุณนั้นแข็งแรงยิ่งกว่าใคร

4. ใจสู้

ผู้นำต้องเป็นตัวอย่างที่ดีให้กับลูกน้อง หากเจอกับปัญหาที่ไม่คาดคิด ต้องมีความมุ่งมั่นว่าจะเอาชนะปัญหาที่อยู่ตรงหน้าได้แน่นอน ความคิดนี้จะทำให้ลูกน้องเกิดความเชื่อมั่นในตัวหัวหน้าของพวกเขามากขึ้นและพร้อมที่จะช่วยระดมความคิดในการหาทางออก

มองหาแอปพลิเคชันช่วย HR บระบบลาออนไลน์ (Employee Self-Service) ฟังก์ชันครบ ใช้งานง่ายผ่านระบบออนไลน์
สามารถจัดการและบริหารข้อมูลส่วนบุคคล
ได้อย่างสะดวก รวดเร็ว รองรับการทำงานร่วมกับระบบ HRMI แบบ Real Time 

สุดท้ายนี้การทำงานเป็นทีมก็ต้องมีกฎกติกาของการอยู่ร่วมกันด้วยเช่นกัน 

1.เปิดโอกาสให้แสดงความคิดเห็นเต็มที่

2.หลีกเลี่ยงการพูดเรื่องส่วนตัวในที่ประชุม

3.มุ่งประเด็นแก้ไขหรือลดเหตุแห่งข้อขัดแย้งร่วมกัน

4.หลีกเลี่ยงการใช้ภาษาดูถูกและการเสียดสี

5.เคารพความคิดเห็นและประสบการณ์ของทุกคนที่เสนอแนะ

6.ยึดหลักเหตุผล ใช้หลักฐานข้อมูลในการอ้างอิง และแก้ไขปัญหา

การทำงานเป็นทีมไม่ใช่เรื่องยากอย่างคิดใช่ไหมครับ เพียงแค่ทุกคนกล้าที่จะเปิดใจและพร้อมร่วมมือทำงานไปด้วยกัน ผลลัพธ์ของงานที่ออกมานั้น ย่อมเป็นไปในทางที่ดีอย่างแน่นอน

สามารถอ่านบทความน่าสนใจอื่นๆได้ ที่นี่ คลิก!!


ที่มา : happywork.jenosize.com

 2275
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

AI (Artificial Intelligence) หรือ ปัญญาประดิษฐ์ คือเทคโนโลยีที่ช่วยให้เครื่องจักรหรือคอมพิวเตอร์มีความสามารถในการคิดและทำงานในลักษณะที่คล้ายกับมนุษย์ โดยการนำข้อมูลจำนวนมากมาประมวลผลและตัดสินใจผ่านกระบวนการที่เรียกว่า การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Learning) หรือ การเรียนรู้เชิงลึก (Deep Learning) แล้ว AI จะเข้ามามีบทบาทในการพัฒนางาน HR อย่างไร
หลายๆ คนอาจจะกำลังลังเลกับเส้นทางชีวิตในการเลือกงานที่เหมาะสมกับตนเอง เพราะปัจจุบันมีหลากหลายอาชีพให้เลือก มีหลายสายงานให้ได้ลองทำ หากใครชอบความเป็นอิสระอาจจะเริ่มจากการทำงานฟรีแลนซ์ หรืออีกหนึ่งรูปแบบที่คนส่วนใหญ่เลือกทำงานกันคือ การทำงานในออฟฟิศ หรือที่เราเรียกกันว่า "มนุษย์เงินเดือน" แน่นอนว่ามันมีทั้งข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป แต่บทความนี้เราจะมาบอกข้อดีของการทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน ที่มีข้อดีอยู่มากมายจนบางทีคุณอาจจะคาดไม่ถึงด้วยซ้ำ งั้นเรามาดูกันสิว่าการที่เราเป็นมนุษย์เงินเดือนนั้นมีข้อดีอะไรบ้าง

เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการบริหารงานบุคคล และพัฒนาบุคลากรในองค์กร โดยใช้ในการประเมินพนักงานตามสองเกณฑ์หลัก ได้แก่ ศักยภาพ (Potential) และผลงาน (Performance) เครื่องมือนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงและผลงานดี เพื่อพัฒนาและเตรียมพวกเขาให้รับบทบาทที่สำคัญในอนาคต ได้รับการนำเสนอครั้งแรกในปี 1970 โดยบริษัท McKinsey & Company โดยเป็นเครื่องมือสำหรับประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และนับตั้งแต่นั้นมา เครื่องมือนี้ก็ได้รับความนิยมและถูกใช้กันอย่างแพร่หลายโดยองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
เป็นเครื่องมือที่ใช้ในการจัดการบริหารงานบุคคล และพัฒนาบุคลากรในองค์กร โดยใช้ในการประเมินพนักงานตามสองเกณฑ์หลัก ได้แก่ ศักยภาพ (Potential) และผลงาน (Performance) เครื่องมือนี้ช่วยให้ผู้บริหารสามารถระบุพนักงานที่มีศักยภาพสูงและผลงานดี เพื่อพัฒนาและเตรียมพวกเขาให้รับบทบาทที่สำคัญในอนาคต ได้รับการนำเสนอครั้งแรกในปี 1970 โดยบริษัท McKinsey & Company โดยเป็นเครื่องมือสำหรับประเมินศักยภาพและประสิทธิภาพการทำงานของพนักงาน และนับตั้งแต่นั้นมา เครื่องมือนี้ก็ได้รับความนิยมและถูกใช้กันอย่างแพร่หลายโดยองค์กรต่าง ๆ ทั่วโลก
Background Checks คือการตรวจสอบประวัติอย่างละเอียด ครอบคลุมทั้งด้านข้อมูลส่วนตัว, ประวัติอาชญากรรม, ภาวะทางการเงิน, การศึกษา ตลอดจนบริบทอื่น ๆ ที่ส่งผลกับตำแหน่งที่สมัครเข้ามา
สวัสดิการที่องค์กรมอบให้แก่พนักงาน กับ สวัสดิการที่พนักงานต้องการ นั้น บางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ตรงกัน ส่วนบางเรื่องก็เป็นสิ่งที่ต่างความเห็นกัน ในเรื่องนี้จากทาง Jobthai (jobthai.com) เคยทำบทความนำเสนอผลการสำรวจความคิดเห็นจากคนทำงานทั่วประเทศในประเด็นที่ว่า “สวัสดิการที่คนทำงานต้องการจากองค์กร” ซึ่งเป็นการทำผลสำรวจจากคนทำงานที่เป็นพนักงานทั่วไปจำนวน 7,420 คน ทั่วประเทศ โดยมีผลการสำรวจออกมาดังนี้
เคยได้ยินคำว่า Flexible Time กันอยู่บ่อย ๆ ว่าแต่เอ๊ะ มันคืออะไร ??
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์