(HR) ยุค 4.0 เพิ่ม 4 กลยุทธ์ติดสปีดในการทำงาน

(HR) ยุค 4.0 เพิ่ม 4 กลยุทธ์ติดสปีดในการทำงาน

(HR) ยุค 4.0 เพิ่ม 4 กลยุทธ์ติดสปีดในการทำงาน



4 กลยุทธ์ ทั้งบุ๋น และบู๊ ที่ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) จำเป็นต้องเรียนรู้ เมื่อโลกของการทำงานเปลี่ยนไปเพราะเทคโนโลยี (Disruptive World)

“คน (HUMAN) คือ ทรัพยากรสำคัญอันทรงคุณค่าในการสร้างสรรค์แนวทางการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ทั้งในระดับจุลภาคและมหภาค เพื่อให้สอดคล้องกับแผนนโยบายการพัฒนาชาติ“

HR 4.0 กับความท้าทายที่ต้องเรียนรู้

สำหรับประเทศไทย รัฐบาลกำหนดแผนแม่บทเป็นระยะ สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจโลก เพื่อให้ประชาชนสามารถปรับพื้นฐานเข้ากับเศรษฐกิจได้ทันท่วงที เริ่มต้นที่ ไทยแลนด์ 1.0 ยุคแห่งเกษตรกรรม เราสร้างรายได้จากเกษตรกรรมและปศุสัตว์ ก่อนเข้าสู่ช่วงอุตสาหกรรมเบา หรือ Thailand 2.0 ที่เริ่มใช้เครื่องมือและอุปกรณ์ต่างๆ

เข้ามาเสริมศักยภาพการผลิต และยุคอุตสาหกรรมหนัก Thailand 3.0 ที่ใช้เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น จนถึงยุค Thailand 4.0 เราใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่เศรษฐกิจจนเกิดการขยายตัวอย่างก้าวกระโดด

และรุนแรงส่งผลต่อเศรษฐกิจทุกระดับซึ่งสอดคล้องกับกระแสโลกที่เกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้งและเป็นการเปลี่ยนแปลงแบบพลิกกระดาน (Disruptive World)

ทุกอาชีพต้องเจอ Disruptive แล้วจะทำอย่างไร?

หลายคนต้องเคยได้ยินมาแล้วว่า ในโลกยุค Disruptive World จะมีคนจำนวนมากที่ถูกหุ่นยนต์เข้ามาแทนที่ในการทำงาน หลายๆ อาชีพจะหมดไป ตัวอย่างเช่น อาลีบาบา (Alibaba)เริ่มมีการพัฒนาและทดลองระบบสมองกล Artificial Intelligence (AI) ในวงการแพทย์ โดยให้ AI ศึกษากรณีของโรคต่างๆ ทั่วโลก

มากกว่า 2 ล้านราย เพื่อดำเนินการให้คำปรึกษาและวินิจฉัยทางการแพทย์ที่มีความแม่นยำสูง หรือตอนนี้มีการพัฒนาโดยให้สมองกล (AI) วิเคราะห์กองทุนที่น่าสนใจและมีโอกาสรับผลตอบแทนในประเทศสหรัฐอเมริกา สิ่งเหล่านี้ทำให้เราเห็นว่านวัตกรรมและเทคโนโลยีเริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นทุกวินาที

เราในฐานะมนุษย์ถึงเวลาที่ต้องเพิ่มศักยภาพและใช้นวัตกรรมเพื่อต่อยอดการดำเนินธุรกิจ และความมั่นคงในอาชีพให้เกิดประสิทธิภาพสูง

เปลี่ยนมุมมองทรัพยากรบุคคลเป็นแบบ 4.0



อริญญา เถลิงศรี กรรมการผู้จัดการ เอสอีเอซี (SEAC)ศูนย์พัฒนาผู้นำ และผู้บริหารระดับสูง เปิดเผยว่า หากเปรียบเทียบการทำการศึก “ฝ่ายทรัพยากรบุคคล” (Human Resources) เป็นเหมือนแม่ทัพเงาขององค์กร ที่ต้งเก่งทั้งบุ๋น และบู๊ เพราะเป็นหน้าด่านสำคัญในการสรรหาบุคคลากรเข้าสู่องค์กร

แถมต้องทำหน้าที่อีกมากมาย ทั้งการดูแลสวัสดิการ ผลประโยชน์ ความก้าวหน้าของพนักงานทุกระดับ และหน้าที่อันสำคัญ คือ การพัฒนาบุคลากร ส่งเสริมศักยภาพบุคลากรให้แข็งแกร่งพร้อมขับเคลื่อนองค์กรในปัจจุบันและอนาคต ประกอบกับนวัตกรรมและเทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทมากขึ้น

และคนกลุ่มใหญ่ที่เป็นกำลังหลักของคนวัยทำงานก็กำลังเปลี่ยนแปลงสู่กลุ่ม Millennials ดังนั้น ฝ่ายทรัพยากรบุคคล จะต้องเตรียมตัวให้พร้อมกับความเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุค 4.0 ให้ทันท่วงที ต้องเสริมศักยภาพใหม่ เรียนรู้ ทำความเข้าใจ และสร้างกลยุทธ์ใหม่ๆ เพื่อดึงดูดใจคนกลุ่มใหม่ๆ เข้าสู่องค์กร

เสริมอาวุธกับ 4 กลยุทธ์ เพื่อพัฒนาสู่ 4.0



องค์กรชั้นนำทั่วโลกต่างตื่นตัวกับเทรนด์นี้ไม่ว่าจะเป็น LinkedIn, Aon Hewitt, Deloitte และ Society for Human Resource Management (SHRM) หรือแม้แต่นิตยสารด้านทรัพยากรบุคคล Inside HR ได้ทำการศึกษาและหยิบยกการปรับตัวขององค์กร

โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคลในหลากหลายองค์กรในยุค Disruptive World โดยต่างให้ความคิดเห็นที่คล้ายคลึงกันเกี่ยวกับองค์ความรู้ในการยกระดับ และพัฒนาบุคลากรด้านทรัพยากรบุคคล ซึ่งสามารถสรุปออกมาได้เป็น 4 ทักษะที่จะช่วยให้สามารถก้าวกระโดด และติดสปีดในการทำงานในยุคนี้ ได้แก่

1.Business Acumen



“ต้องมีปฏิภาณทางธุรกิจ ต้องเข้าใจวัตถุประสงค์ด้านการดำเนินธุรกิจขององค์กร และต้องปรับตัวให้ทันกับความเปลี่ยนแปลง“

ความเป็นเลิศของ ฝ่ายทรัพยากรบุคคลยุคใหม่ ต้องอ่านเกมส์ทั้งในเรื่องบุคลากรและวัตถุประสงค์ขององค์กรได้อย่างชัดเจน เพราะในทุกวันนี้เศรษฐกิจมีความเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว กลุ่มลูกค้าเปลี่ยนพฤติกรรม และความสนใจตลอดเวลา องค์กรต้องทำงานด้วยอาศัยความเร็ว

ซึ่งนับเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้บุคลากรในองค์กรต้องเสริมทักษะ สร้างความหลากหลาย สามารถปรับเปลี่ยนและเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ นอกจากนี้ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ก็ต้องปรับเปลี่ยนการคัดสรรคอร์สการเรียนรู้เพื่อเสริมบุคลากรให้แข็งแกร่งให้เหมาะสมกับเงื่อนไขที่เปลี่ยนไปนี้

2. HR Technology and Data Analytics



“ต้องใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยีให้ทันยุคเพื่อแสวงหาความต้องการของบุคลากร ต้องอ่านข้อมูลและแปลความหมายได้อย่างถูกต้อง และครบสมบูรณ์“

การใช้นวัตกรรม และเทคโนโลยี เพื่อค้นหาและเข้าถึงข้อมูลเฉพาะบนโลกออนไลน์นับมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่งฝ่ายทรัพยากรบุคคล ต้องเปลี่ยนตัวเองเป็นคลังค้นหาข้อมูลที่อัดแน่นด้วยข้อมูลหลากหลายมิติ ต้องทำงานจากข้อมูลจริงของทั้งพนักงาน และสถานการณ์แวดล้อม เพื่อเข้าถึงความต้องการของบุคลากรในองค์กร

หรือจัดข้อมูลเพื่อให้ทีมผู้บริหารแก้ไขปัญหาที่อาจเกิดขึ้นได้อย่างทันท่วงที รวมทั้งใช้เครื่องมือใหม่ๆ เพื่อให้บุคลากรสนุกกับการตอบคำถาม หรือง่ายต่อการเก็บข้อมูล นั่นแปลว่าองค์กรไม่สามารถจะลงทุนแค่กับเรื่องเทคโนโลยี แต้ต้องพัฒนาทักษะด้านการวิเคราะห์ข้อมูลให้กับฝ่ายทรัพยากรบุคคล ด้วย

3. Marketing Expertise



“ต้องขายของให้เป็น“

ต้องเข้าใจสถานการณ์และความต้องการขององค์กร เพื่อที่จะคัดสรรและปรับเปลี่ยนรูปแบบการคัดสรรบุคลากรที่จะเข้าร่วมงานกับองค์กรได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ ฝ่ายทรัพยากรบุคคล ต้องดูแลพนักงาน สื่อสารกับพนักงานเปรียบเสมือนลูกค้า

คือ เข้าใจ เป็นมิตร ใกล้ชิด เพื่อจะได้ศึกษา รับรู้พฤติกรรม ความต้องการ และสร้างแรงบันดาลใจให้พนักงานในการขับเคลื่อนองค์กรตั้งแต่วันแรกจนวันสุดท้ายของการทำงานในรูปแบบเดียวกับที่ฝ่ายการตลาดใช้เครื่องมือมาร์เก็ตติ้งในการดึงดูดลูกค้า

4. HR Agility



“ต้องพร้อมปรับตัว และสร้างความคล่องตัวให้ได้มากที่สุด“

สภาวะเศรษฐกิจที่เคลื่อนไหวรุนแรงและรวดเร็ว นับเป็นความท้าทายครั้งสำคัญสำหรับทุกองค์กร HR ต้องเป็นแบบอย่างที่ดีในการเพิ่มทักษะใหม่ๆ ในการทำงานหรือสามารถทำงานมากกว่าที่ตนเองรับผิดชอบได้ เพื่อเป็นแบบอย่างให้กับบุคลากรคนอื่นๆ เกิดการเรียนรู้และเสริมทักษะใหม่ๆ ให้ได้มากที่สุด

เพราะทุกวันนี้ต้องมองว่าคู่แข่งไม่ได้มาจากเพียงแค่ธุรกิจแบบเดียวกัน แต่ยังมีคู่แข่งจากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ มาเป็นตัวแปรสำคัญ อาทิ กลุ่มอาหารและบริการ ทุกวันนี้ไม่ใช่เพียงเปิดร้านอาหารหรือภัตตาคารอย่างเดียวเท่านั้นที่เป็นคู่แข่งกันละกัน

ยังมีคู่แข่งใหม่ๆ ที่เข้ามาแย่งส่วนแบ่งการตลาด อาทิ สตรีทฟู้ด (Street Food) หรือแม้แต่กลุ่มธุรกิจอื่นๆ ที่หันมาทำธุรกิจฟู้ด เดลิเวอรี่ (Food Delivery) เป็นต้น

ทุกวันนี้ ทุกองค์กรต้องเผชิญกับ Disruptive World อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ การเข้าถึงนวัตกรรมและเทคโนโลยีเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ดังนั้นการปรับตัว วิธีคิด วิธีการทำงาน และการบริหารขององค์กรย่อมมีส่วนสำคัญ

โดยเฉพาะฝ่ายทรัพยากรบุคคล ที่เป็นฟันเฟืองสำคัญในการติดต่อทั้งภายนอกและภายในองค์กรย่อมต้องปรับตัวอย่างรวดเร็ว รวมทั้งติดองค์ความรู้ เสริมทักษะให้ครบเพื่อเป็นขุมพลังสำคัญให้กับองค์กรต่อไป

แหล่งที่มา : https://bit.ly/34pg99e


ProsoftHRMI
โปรแกรมบริหารทรัพยากรมนุษย์
โปรแกรมเงินเดือน

 1203
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร
การจัดกะพนักงาน คือ กระบวนการวางแผนและจัดระเบียบเวลาทำงานของพนักงานให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรในแต่ละช่วงเวลา โดยแบ่งเวลาทำงานออกเป็นหลายช่วง (หรือหลายกะ) เพื่อให้มีพนักงานเพียงพอในการปฏิบัติงานตลอดเวลา เช่น ในกรณีขององค์กรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงหรือมีความต้องการกำลังคนที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์