เตรียมตัว เตรียมใจอย่างไรกับการปรับค่าจ้างประจำปีและการจ่ายโบนัส

เตรียมตัว เตรียมใจอย่างไรกับการปรับค่าจ้างประจำปีและการจ่ายโบนัส



การปรับค่าจ้างประจำปีและการจ่ายโบนัสจริง ๆ แล้วไม่ใช่เรื่องยากอะไร เพราะแค่เพียงกระจายเงินก้อนหนึ่งซึ่งมีอยู่อย่างจำกัด (ทุกปี) ให้เหมาะสมกับผลงานพนักงานในองค์กรเท่านั้นเอง แต่พอปรับค่าจ้างและจ่ายโบนัสทีไรเกือบทุกองค์มีปัญหาทุกครั้งไป ในความเป็นจริงแล้วสาเหตุของปัญหาไม่ได้อยู่งบการปรับค่าจ้างที่จำกัด ไม่ได้อยู่โบนัสมากหรือน้อย แต่อยู่ที่วิธีการในการประเมินผลงานมากกว่า อย่างไรก็ตาม มามองในแง่ของผู้บริหารก่อนนะคะ ว่า ผู้บริหารควรจะเตรียมตัวอย่างไร

1. เตรียมข้อมูล

ผู้บริหารควรจะให้บุคคลที่เกี่ยวข้อง เตรียมข้อมูลต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผลการสำรวจค่าจ้างภายนอก ผลการดำเนินงานขององค์กร อัตราเงินเฟ้อ แนวโน้มการ ขยายตัวทางเศรษฐกิจ อุตสาหกรรม พร้อมกับเหตุผลการประกอบการตัดสินใจในการปรับค่าจ้างประจำปีและการจ่ายโบนัส ถ้าองค์กรไหนมีสหภาพแรงงานก็อย่าลืมดู ข้อตกลงกันไว้ด้วยนะคะ เดี๋ยวจะเสียเครดิตและเสียหน้า เพราะปัจจุบันองค์กรแรงงานเขาก้าวหน้าไปเร็วมาก ข้อมูลต่างๆ ก็ค้นหาทางอินเตอร์เน็ตกันแล้ว อย่าให้ข้อมูล ของฝ่ายบริษัทล้าหลังกว่าขององค์กรแรงงานก็แล้วกันนะคะ

2. เตรียมวิธีการเพื่อป้องกันแก้ไขปัญหา

เมื่อข้อมูลพร้อมแล้วก็ควรจะมีการกำหนดแผนงาน ขั้นตอนการดำเนินการให้รัดกุม อะไรที่เคยเกิดขึ้นมาในปีที่ผ่านมาก็ควรจะนำมาแก้ไขปรับปรุง เช่น ข่าวลือเรื่องโบนัส ข่าวรั่วจากผู้บริหารบางท่าน ควรจะมีการมอบหมายหน้าที่ให้แต่ละคนรับผิดชอบในการดำเนินการ ใครจะเป็นคนสื่อสารกับพนักงาน ควรจะประกาศ เรื่องอัตราการปรับค่าจ้างเมื่อไหร่ จะประกาศอย่างไร เราอยากจะอยากแนะนำว่าผู้บริหารควรจะเตรียมกำหนดนโยบายไว้ล่วงหน้าได้เลยว่า ในปีต่อไปบริษัทจะรับมือ กับปัญหานี้อย่างไร เช่น บางบริษัทก็บอกว่าปีต่อไปปัญหานี้จะน้อยลงหรือไม่เกิดขึ้นอีก เพราะบริษัทเราเตรียมที่จะนำเอาระบบการประเมินผลการปฏิบัติงานแบบใหม่ เข้ามาใช้ที่จะสามารถวัดผลงานได้ชัดเจนและเป็นธรรม ซึ่งจุดนี้จะช่วยลดกระแสความไม่พึงพอใจของพนักงานลงได้บ้าง หรืออย่างน้อยก็พอมีความหวังสำหรับในปีต่อไปได้บ้าง

3. เตรียมเก็บรวบรวมข้อมูลผลงาน

ทั้งชิ้นโบแดงและโบดำของตัวเองของตัวเองว่าในรอบปีที่ผ่านมานั้นได้ทำงาน อะไรบ้าง ทั้งนี้เพื่อจะได้อภิปรายกับหัวหน้าเราได้ตอนที่ถูกเรียกเข้าไป ประเมินผลงาน ถ้าจะให้ดีควรจะเตรียมตัวเชิงรุกคือ อย่ารอให้หัวหน้าเรียกเข้าไปคุย เพราะถ้าถึงเวลานั้นอาจจะเปลี่ยนใจหัวหน้ายาก เพราะหัวหน้ามีลำดับไว้เรียบร้อยแล้ว เราอาจจะลองทำสรุปผลงานประจำปีให้หัวหน้าดูก่อน แต่อย่าเขียนเฉพาะผลงานที่ดีนะคะ ให้ทำทีเป็นเขียนสรุปผลงานเทียบกับแผน เพราะเป็นเสมือนเครื่องเตือนใจหัวหน้าว่า สิ้นปีนี้เวลาปรับค่าจ้างและจ่ายโบนัส กรุณาดูข้อมูลและข้อเท็จจริงก่อน จะได้ไม่มีปัญหาในภายหลัง

4. เตรียมเสนอโครงการแนวคิดใหม่ๆ

ถ้าผลงานในรอบปีที่ผ่านมาไม่ค่อยเข้าตากรรมการ ลองเตรียมหาแนวคิด ไอเดียใหม่ๆ และดีๆ นำเสนอหัวหน้าในช่วงก่อนการประเมินผลงาน เพราะถ้า ไอเดียถูกใจหัวหน้า เวลาจรดปากกาลงในใบประเมินผลก็อาจจะชำเลืองไปดูโครงการที่เรานำเสมอสำหรับปี หน้าแล้ว อาจจะพอช่วยได้บ้าง เพราะโครงการใหม่คือ อนาคตของหัวหน้าเหมือนกัน

5. เตรียมใจ

เป็นการเตรียมตัวครั้งสุดท้ายก่อนจะถูกตัดสิน ช่วงนี้ก็อาจลองไปสมัครงานที่อื่นไว้บ้าง เพื่อถ่วงดุลกับความเสียใจที่อาจจะเกิดขึ้น เพราะบางครั้งพอไป สัมภาษณ์เขาอาจไม่รับเรา ก็จะทำให้เราเกิดความทุกข์หนักกว่าเงินเดือนขึ้นน้อยหรือได้โบนัสน้อย ในเมื่อเราไม่สามารถกำหนดสิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงได้แล้ว ซึ่งแนวทางหนึ่งที่คนที่เป็นลูกจ้างควรจะทำก็คือ เตรียมตัววางแผนพัฒนาตัวเองในปีต่อไป อย่ามัวแต่เสียใจกับผลที่เราไม่ได้กำหนด วันหนึ่งข้างหน้าถ้าเราเก่งจริง ไม่ต้องรอถึงการปรับเงินเดือนและโบนัสตอนสิ้นปีหรอกคะ เราจะเรียกเงินเดือนเท่าไหร่ก็ได้ (ถ้าคุณเก่งจริง)

ท้ายที่สุด ก่อนถึงสิ้นปีนี้แต่ละฝ่ายคงจะต้องเตรียมตัว เตรียมใจรับสถานการณ์การปรับค่าจ้างประจำปีและการจ่ายโบนัส องค์กรไหนกำไรเยอะและแบ่ง ให้พนักงานเยอะ ก็เตรียมสบายใจทั้งผู้ให้และผู้รับ สุดท้ายนี้อยากให้ทุกคนในองค์กรสื่อสารทำความเข้าใจกันให้มากขึ้น องค์กรใดที่มีความโปร่งใส พนักงานเข้าใจ ก็ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร



บทความโดย : www.hrcenter.co.th
ประกาศบทความโดย : www.prosofthrmi.com
 3758
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร
การจัดกะพนักงาน คือ กระบวนการวางแผนและจัดระเบียบเวลาทำงานของพนักงานให้เหมาะสมกับความต้องการขององค์กรในแต่ละช่วงเวลา โดยแบ่งเวลาทำงานออกเป็นหลายช่วง (หรือหลายกะ) เพื่อให้มีพนักงานเพียงพอในการปฏิบัติงานตลอดเวลา เช่น ในกรณีขององค์กรที่เปิดให้บริการตลอด 24 ชั่วโมงหรือมีความต้องการกำลังคนที่เปลี่ยนแปลงไปในแต่ละช่วงเวลา
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์