มีหัวหน้าอายุน้อยกว่า จะทำงานร่วมกันอย่างไรดี

มีหัวหน้าอายุน้อยกว่า จะทำงานร่วมกันอย่างไรดี



เขียนเรื่องของ Generation ไปสองวัน ก็เลยมีอีเมลสอบถามเข้ามา ซึ่งผมเห็นว่าเกี่ยวข้องกับเรื่องที่เขียนอยู่ ก็เลยเอามาเล่าต่อเป็นบทความให้อ่านกันนะครับ เผื่อว่าจะมีบางท่านประสบกับกรณีแบบที่ผู้อ่านท่านหนึ่งเขียนมาสอบถาม ท่านผู้อ่านท่านนี้ ออกตัวว่า อยู่ใน Gen ที่เรียกกว่า Baby Boomer แต่มีลูกน้องอยู่ Gen X ซึ่งเป็นระดับผู้จัดการ ที่มีความรู้ความสามารถดีคนหนึ่งเลย แต่กลับกลายเป็นว่ามีปัญหาในการทำงานกันตลอด มองไม่เหมือนกัน ชอบไม่เหมือนกัน จนรู้สึกว่าทำงานด้วยกันลำบากมาก ก็เลยสอบถามมาว่า ถ้ามีหัวหน้าที่อายุน้อยกว่าแบบนี้ จะต้องปรับตัว และปฏิบัติตัวอย่างไรที่จะทำงานไปด้วยกันได้

ก่อนอื่นเลย ก็ต้องขอชื่นชมท่านผู้อ่านท่านนี้จากใจจริงเลยนะครับ เพราะท่านเป็นคนที่ต้องการที่จะเปลี่ยนแปลงตนเองก่อนที่จะไปเปลี่ยนแปลงคนอื่น จากคำถามที่ผมสรุปมาได้นั้น ประเด็นของคำถามจะเน้นไปที่ว่า ตนเองจะต้องปรับตัวอย่างไร จะต้องทำตัวอย่างไรดี และจะต้องคิดอย่างไรให้สามารถที่จะเข้าใจหัวหน้าที่มีอายุน้อยกว่าได้ โดยไม่มีข้อความใดๆ ที่แสดงการตำหนิหัวหน้าของตนเองเลย

คนส่วนใหญ่ ถ้าคนอื่นทำอะไรไม่ถูกใจตนเอง ก็มักจะมองว่าคนอื่นผิด คนอื่นไม่ดี เพราะคิด และทำไม่เหมือนกับเรา ถ้าใครที่คิดแบบนี้ ก็จะเปลี่ยนตนเองได้ช้า และยากมากกว่า คนที่คิดเปลี่ยนแปลงตนเองก่อน ก็เลยขอชื่นชมไว้ ณ ที่นี้ครับ

คราวนี้เราลองมาดูว่า การที่เรามีหัวหน้าที่มีอายุน้อยกว่านั้น เราจะต้องคิด และคำนึงถึงเรื่องอะไรบ้าง มีเคล็ดลับอะไรบ้างที่จะทำให้เราทำงานกับหัวหน้าที่อายุน้อยกว่าเราได้อย่างราบรื่น

• เคล็ดลับที่ 1 อย่าทำตัวเป็นพ่อแม่อีกคน ด้วยการที่เรามีอายุมากกว่า มีประสบการณ์มากกว่า เวลาทำงานก็มักจะมองคนที่อายุน้อยกว่าว่า ยังมีประสบการณ์ไม่พอ น่าจะทำอย่างโน้น อย่างนี้ แบบนี้ไม่ควรทำ แบบนั้นไม่ดี ทำแบบนี้สิจะดีกว่า ฯลฯ คำพูดเหล่านี้ มันเหมือนกับคำพูดที่พ่อแม่ พูดกับเรา ดังนั้น การที่หัวหน้าเราได้ยินเราพูดแบบนี้ มันก็เหมือนกับการที่เขามีพ่อแม่อีกคนในบริษัท ซึ่งโดยทั่วไปแล้วคนที่เป็นหัวหน้าได้นั้น ส่วนใหญ่ก็มักจะต้องแสดงความสามารถบางอย่างให้กับผู้บริหารได้เห็นมาบ้าง ดังนั้น ถ้าเรามีลูกน้องอายุน้อยกว่า เราก็ไม่ควรจะทำตัวเป็นพ่อแม่ของเขา คอยจับผิด คอยติติงตลอดเวลา เพราะหัวหน้าจะไม่ชอบอย่างแน่นอน และจะทำงานด้วยกันด้วยความยากลำบากมากขึ้นไปอีก

• เคล็ดลับที่ 2 จงฟังหัวหน้าของคุณ การฟังต้องเป็นการฟังอย่างเปิดใจด้วยนะครับ เพราะคนที่มีประสบการณ์ทั้งวัยวุฒิ และคุณวุฒิมามากกว่านั้นมักจะไม่ค่อยฟังคนอื่นพูด โดยเฉพาะหัวหน้าที่อายุน้อยกว่า เวลาที่เขาบอกถึงวิสัยทัศน์ และกลยุทธ์ต่างๆ ในการทำงาน คิดสร้างสรรค์แนวทางในการทำงานใหม่ๆ เราเองในฐานะลูกน้องจะต้องเปิดใจรับฟังอย่างจริงใจ ฟังไปด้วยคิดตามไปด้วย จงอย่าเอาประสบการณ์เก่าๆ ที่เคยผ่านมากับเรา มาเถียงหัวหน้าของตนว่า “สิ่งที่พูดมานั้น เคยทำมาหมดแล้ว แต่มันก็ไม่เห็นจะสำเร็จเลยสักอย่าง” ถ้าหัวหน้าได้ยินแบบนี้เข้า ก็คงไม่พอใจแน่นอน เพราะด้วยความมั่นใจของเขาที่จะสร้างผลงาน อีกทั้งยุคสมัยก็เปลี่ยนแปลงไปแล้ว สิ่งที่คิดนั้นอาจจะสำเร็จได้ในยุคนี้ก็ได้ หน้าที่ของเราก็คือฟัง และให้ความเห็น แต่ไม่ใช้ค้านแหลก หรือพยายามบอกว่าฉันเก่งกว่า ฉันผ่านมาแล้ว ฉันทำมาแล้ว ฯลฯ เพราะจะกลายเป็นการประสานงาแทนที่จะประสานงานร่วมกันอย่างดี

• เคล็ดลับที่ 3 จงแจ้งความคืบหน้าของงานเป็นระยะ หัวหน้าที่อายุน้อยกว่า ที่เป็นเด็กรุ่นใหม่ โดยเฉพาะ Gen X ซึ่งอายุก็กำลังอยู่ในช่วงที่เป็นผู้จัดการ คนกลุ่มนี้ชอบที่จะบอกเป้าหมาย บอกสิ่งที่เขาอยากจะได้ แล้วก็ให้ลูกน้องไปดำเนินการหาทางทำมาให้ได้ โดยอาจจะมีการให้ความช่วยเหลือเป็นครั้งคราวบ้าง สิ่งที่หัวหน้าวัยนี้ต้องการก็คือ การแจ้งความคืบหน้าของงานเป็นระยะๆ ไม่ใช่หายเงียบไปเลย แม้ว่าเราจะทำงานให้ก็จริง แต่การที่เราไม่แจ้งหัวหน้าเลย ก็จะทำให้หัวหน้ามองว่าเราขาดความรับผิดชอบในการทำงานได้ ดังนั้น สิ่งที่ลูกน้องที่อายุน้อยกว่าต้องทำก็คือ หมั่นแจ้งผลความคืบหน้าของงาน อาจจะใช้อีเมล ก็ได้ครับ สรุปความคืบหน้าของงาน สำเร็จในแต่ละช่วงเวลาให้กับหัวหน้าได้รับทราบบ่อยๆ จะทำให้เรากับเขาทำงานร่วมกันได้อย่างราบรื่น และเขาจะมองว่าเราเป็นคนที่มีความรับผิดชอบอีกด้วย

• เคล็ดลับที่ 4 จงแสดงให้หัวหน้าเห็นว่าเรามีความสามารถจริงๆ การที่เรามีอายุมากกว่า มีอายุงานมากกว่า เป็นสิ่งที่หัวหน้าที่อยู่ใน Gen X นั้นไม่ค่อยใส่ใจเท่าไหร่ สิ่งที่เขาต้องการก็คือ ผลงาน และความสามารถของคุณในฐานะผู้ที่มีประสบการณ์มาก่อน ดังนั้นจงแสดงความสามารถ และศักยภาพให้เขาเห็นว่า เราก็มีความสามารถที่จะช่วยให้เขาบรรลุวิสัยทัศน์ และเป้าหมายที่กำหนดไว้ได้ ไม่ใช่ทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง เห็นหัวหน้าที่มีอายุน้อยกว่า ก็เลยทำตัวเป็นพี่ใหญ่ ไม่สนใจทำงาน มองว่าหัวหน้านั่นแหละที่จะต้องมาเกรงใจเรามากกว่า หรือชอบโม้ไปเรื่อยว่า เราเก่งอย่างนั้นเก่งอย่างนี้ แต่ไม่เห็นแสดงผลงานให้หัวหน้าเห็นเลยสักนิด หัวหน้า Gen X เขาไม่ค่อยสนหรอกครับว่าจะโม้อะไร แต่ขอแค่ทำให้เขาเห็นว่าเราทำได้จริงๆ ไม่ต้องโม้เขาก็ยินดีที่จะทำงานด้วยอย่างเต็มที่แล้วครับ

• เคล็ดลับที่ 5 จงเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ ที่อยู่ในวัยของหัวหน้า หัวหน้าในวัยที่น้อยกว่านั้นมักจะมีอะไรแปลกๆ ใหม่ๆ เข้ามาให้เราต้องเรียนรู้อยู่เสมอ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคำพูด ภาษาวัยรุ่นต่างๆ และเทคโนโลยีใหม่ๆ ที่เอาเข้ามาใช้ในการติดต่อสื่อสารทำงาน เช่น Line หรือ whatsapp หรือเครื่องมืออื่นๆ การที่เราต้องทำงานกับหัวหน้ารุ่นใหม่แบบนี้ เราเองก็ต้องเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ เหล่านี้ตามไปด้วย จงอย่ามองว่ามันเป็นเรื่องไร้สาระ แต่จงพยายามเรียนรู้ และใช้งานสิ่งเหล่านี้ให้ได้ เพราะหัวหน้ารุ่นใหม่ จะยิ่งให้ความยอมรับเราเพราะเราสามารถเรียนรู้ และปรับตัวให้เข้ากับการเปลี่ยนแปลงใหม่ๆ ได้อย่างรวดเร็ว การทำงานร่วมกันก็จะยิ่งสะดวก ผิดกับลูกน้องบางคนที่ปฏิเสธทุกอย่าง มองทุกอย่างเป็นเรื่องไร้สาระ และเป็นเรื่องของเด็กๆ ก็เลยยิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างวัยถ่างออกไปอีก ทำงานด้วยกันก็ยิ่งยากมากขึ้นเรื่อยๆ

สิ่งที่กล่าวมาทั้งหมดก็คือ 5 เคล็ดลับ ถ้าเรามีลูกน้องที่อายุน้อยกว่า ซึ่งอาจจะจัดอยู่ใน Gen X หรือ Y ประเด็นสำคัญก็คือ การทำความเข้าใจในสิ่งที่เขาคิด เขาทำ และให้การยอมรับในวิธีการทำงานของเขา ซึ่งเมื่อไหร่ที่เขายอมรับเราแล้ว การที่เราจะให้ความเห็นอะไรจากประสบการณ์ของเราเอง เขาก็จะยอมรับได้ง่ายขึ้น คนรุ่นใหม่เข้ากับเขาไม่ยากครับ ถ้าเรายอมรับเขาอย่างจริงใจ เขาก็จะยอมรับเรากลับอย่างจริงใจเช่นกันครับ



บทความโดย : คุณประคัลภ์ ปัณฑพลังกูร
ประกาศบทความโดย : www.prosofthrmi.com
 6791
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การทำงาน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ซึ่งรูปแบบของการจ้างงานไม่ได้มีเพียงงานประจำและรอเวลาเกษียณอายุเพียงเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะการจ้างงานอีกหลายประเภท ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปได้ ในบทความนี้จะมาสรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าการจ้างงานมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
การพาพนักงานไป Outing ถือเป็นหนึ่งในสวัสดิการหลัก ๆ ที่หลายองค์กรมี เพื่อดึงดูดพนักงานทั้งภายในและภายนอกให้อยากมาร่วมงานกันด้วย โดยวัตถุประสงค์หลักของการไป Outing ก็เพื่อเสริมสร้างความสามัคคี และเพื่อตอบแทนพนักงาน ให้ได้ผ่อนคลายจากการทำงานประจำวันอันตึงเครียดมายาวนาน โดยที่บริษัทจะดูแลเรื่องค่าใช้จ่ายไว้ทั้งหมด
ระบบลงเวลาเข้า-ออกของพนักงาน คือ ระบบที่ช่วยในการบันทึกเวลาการทำงานของพนักงาน ผ่านอุปกรณ์ดิจิทัลต่างๆ ตั้งแต่ เครื่องสแกนลายนิ้วมือ (Finger Scanner), สมาร์ทโฟน (Smart Phone), แท็บเล็ต (Tablet), ตลอดจนอุปกรณ์ต่างๆ ที่สามารถยืนยันตัวตนผู้ใช้งานได้อย่างชัดเจน ปลอดภัย และเชื่อมต่อสู่ระบบข้อมูลกลางอย่างระบบคลาวด์ (Cloud System) ได้ โดยจะระบุเวลาที่พนักงานเข้ามาทำงานและออกจากงานในแต่ละวัน ดูสถิติ ขาด ลา มาสาย ระบบนี้มีบทบาทสำคัญในการบริหารจัดการเวลาและการทำงานของพนักงาน ช่วยให้ฝ่ายทรัพยากรบุคคล (HR) และฝ่ายบริหารสามารถติดตามการทำงานของพนักงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงใช้ข้อมูลที่บันทึกเพื่อคำนวณเงินเดือน สวัสดิการ ค่าล่วงเวลา และการจัดทำรายงานการเข้างานได้อย่างแม่นยำ ตอบโจทย์การทำงานในธุรกิจยุคใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบ
มนุษย์เงินเดือนบางคนอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่า ตัวเองมีสิทธิที่จะเรียกร้อง ค่าชดเชยจากนายจ้าง อันนี้เป็นสิทธิ์ของเรานะ พี่ทุยบอกเลยว่า เงินค่าชดเชย เป็นสิ่งที่นายจ้าง ต้องจ่าย ให้กับพนักงานหรือลูกจ้าง เพื่อช่วยเหลือในกรณีให้ออกจากงาน ซึ่งไม่ได้มาจากทำความผิดของพนักงานหรือลูกจ้าง แต่อาจจะด้วยเหตุผลบางอย่างที่จำเป็นต้องลดจำนวนพนักงานลง
ในแต่ละเดือนที่เราจ่ายเงินสมทบประกันสังคมนั้น ก็จะมีเงินส่วนหนึ่งที่จัดเก็บเข้าเป็นเงินสะสมประกันสังคม ซึ่งเงินส่วนนี้เองเราสามารถเช็คเงินสะสมประกันสังคมได้เองผ่านช่องทางออนไลน์ด้วย มาดูกันครับว่าทำยังไง แล้วยอดเงินประกันสังคมนี้ทำอะไรได้บ้าง

Employee Referral Program หรือ โครงการแนะนำพนักงาน คือระบบที่องค์กรใช้เพื่อกระตุ้นให้พนักงานที่ทำงานอยู่แนะนำบุคคลภายนอกที่มีคุณสมบัติที่เหมาะสมเข้ามาทำงานในตำแหน่งที่เปิดรับ โดยทั่วไปโครงการนี้มักมีการมอบรางวัลหรือโบนัสให้กับพนักงานที่แนะนำคนที่ถูกคัดเลือกและรับเข้าทำงานในองค์กรสำเร็จ โครงการแนะนำพนักงานนี้มีข้อดีหลายประการ เช่น การลดต้นทุนในการจ้างงาน เพิ่มคุณภาพของผู้สมัคร และสร้างความผูกพันให้กับพนักงานในองค์กร
สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์