ถ้าพูดถึงงาน HR function ที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้ว ก็จะมีหน้าที่งานในด้านการสรรหาและคัดเลือก (Recruitment & Selection) , งานเรียนรู้และพัฒนา (Learning & Development), งานค่าตอบแทนและสิทธิประโยชน์ (Compensation & Benefits) , งานพนักงานสัมพันธ์และสื่อสารองค์กร (Employee Relations & Corporate Communications) , งานระบบสารสนเทศและร่วมบริการ (HRIS & Shared Services) , งานด้านพัฒนาองค์กร (Organizational Development) , งานพัฒนาสายอาชีพและวางแผนสืบทอดตำแหน่ง (Career Development & Succession Plan) ฯลฯ แต่ในปัจจุบันจะมีหน้าที่งานที่เพิ่มขึ้นมาใหม่ ซึ่งสอดคล้องกับบทบาทที่เปลี่ยนแปลงไปของ HR ซึ่ง จะกลายมาเป็นผู้เล่นเชิงกลยุทธ์มากขึ้น จากปัจจัยผลกระทบภายนอกที่มีความสำคัญ เช่น กระแสโลกาภิวัฒน์ การเปิดการค้าเสรี การเคลื่อนย้ายแรงงานฝีมือเสรี การแย่งชิงคนเก่ง ความตื่นตัวเรื่องภาวะผู้นำ ความก้าวหน้าทางเทคโนโลยี สถานการณ์ภัยพิบัติ และความไม่แน่นอนต่าง ๆ ซึ่งหน้าที่งานใหม่ในสายงาน HR ที่ในบางบริษัทอาจจะยังไม่คุ้นเคย มีดังต่อไปนี้ Mobility & Expat Management (งานบริหารการเคลื่อนย้ายแรงงานและผู้บริหารต่างชาติ) หลังจากที่มีการเปิด AEC ใน ปี 2558 งานที่อาจจะมีเพิ่มขึ้นมาก็คือการบริหารความเคลื่อนไหวของคนทำงานข้ามชาติ องค์กรที่มีลักษณะเป็นบริษัทข้ามชาติอยู่แล้วก็คงจะคุ้นเคยกับงานส่วนนี้ เป็นอย่างดี งานในฟังก์ชันนี้จะมีความเฉพาะเจาะจงไปในเรื่องของการดูแลการเคลื่อนย้ายคน เก่งระหว่างประเทศ ภายในบริษัทเดียวกัน ที่มีสาขาอยู่ในประเทศต่าง ๆ ที่เข้าไปลงทุนดำเนินกิจการ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ ทักษะการทำงาน การอำนวยความสะดวกในการเดินทาง ที่พัก ค่าใช้จ่าย สวัสดิการ คำนวณภาษี ฯลฯ ซึ่งก็จะมีความเกี่ยวข้องกับฟังก์ชันอื่นที่มีอยู่แล้ว เช่น การบริหารค่าตอบแทนและสวัสดิการ การวางแผนอัตรากำลัง หรือการจัดการงานบุคคลและธุรการทั่วไป Diversity & Inclusion (งานบริหารความหลากหลายและหลอมรวม) เป็นสาขาการทำงานที่ค่อนข้างใหม่ใน ภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมทั้งญี่ปุ่น ซึ่งจะครอบคลุมในประเด็นเรื่องความแตกต่างในที่ทำงาน เช่น เชื้อชาติ เพศ อายุ ศาสนา วัฒนธรรม ความบกพร่องทางร่างกาย ฯลฯ ซึ่งความแตกต่างของพนักงานเหล่านี้จะเป็นตัวสะท้อนให้เห็นถึงการผสมผสานความ หลากหลายทางประชากรศาสตร์ของฐานลูกค้าด้วย หน้าที่หลักในงานนี้ก็คือ การจัดสภาพแวดล้อมการทำงานให้ทุกคนที่เป็นพนักงานในองค์กรสามารถทำงานร่วม กันได้ ภายใต้วิสัยทัศน์ พันธกิจอันเดียวกัน โดยไม่มีอุปสรรคเรื่องความแตกต่างของภาษาและวัฒนธรรมในการทำงาน ไม่มีข้อห้ามหรือการกีดกันในการทำงาน บริษัทควรจะเตรียมบุคลากรรับมือตรงนี้ไว้เพื่อรองรับกับการเปิดประชาคม เศรษฐกิจอาเซียน HR Interim Management (งานบริหารทรัพยากรบุคคลระหว่างกาล) เป็นงานบริหารจัดการงานทรัพยากรบุคคลชั่ว คราว หรือระยะเวลาหนึ่ง โดยส่วนใหญ่บริษัทมักจะจ้างพนักงานเป็นสัญญาแบบถาวร และคาดหวังว่าจะให้พนักงานมีความผูกพัน (engagement) กับองค์กรให้ยาวนานที่สุด แต่ HR Interim Management นี้จะเป็นการจ้างงานแบบชั่วคราว หรือสัญญาจ้าง มีระยะเวลาตั้งแต่ 1 สัปดาห์ – 2 ปี แล้วแต่ตกลง บางครั้งก็มีลักษณะเป็นงานโครงการ คล้าย ๆ กับการจ้างเอาท์ซอร์สหรือฟรีแลนซ์มาทำงานในองค์กร หรือบางกรณีเมื่อหมดสัญญาจ้างแล้วก็อาจจะได้รับการต่อสัญญาเป็นพนักงานประจำ หรือผู้จัดการฝ่ายบุคคลไปเลย ตัวอย่างของภาระงานในสายนี้เช่น การเซ็ตระบบงานบริหารทรัพยากรบุคคลพื้นฐาน , การปรับปรุงงานทรัพยากรบุคคลในช่วงเปลี่ยนผ่านการควบรวมกิจการ , งานบูรณาการบริหารความเปลี่ยนแปลง , หรือการจัดหางานเป็นจำนวนมาก Business Continuity & Resiliency (งานบริหารความต่อเนื่องในธุรกิจและการยืดหยุ่น) เกี่ยวข้องกับการรักษาความต่อเนื่องในการ ดำเนินงานในสภาวะที่มีความไม่แน่นอนสูงเช่น น้ำท่วม ไฟไหม้ แผ่นดินไหว และภัยพิบัติต่าง ๆ ในสถานการณ์ต่าง ๆ เหล่านี้ HR จะ ต้องมีการวางแผนและมาตรการที่สามารถปรับเปลี่ยนการทำงานที่ยืดหยุ่นและจัด สรรทรัพยากรสรรพกำลังในการดำเนินงานให้เดินต่อไปได้ รวมทั้งการใช้การช่วยเหลือ เยียวยา บรรเทาทุกข์ และการฟื้นฟูให้เข้าสู่สถานการณ์ปกติได้อย่างรวดเร็ว และมีผลกระทบความเสียหายน้อยที่สุด ในยามวิกฤติ HR อาจ จะต้องเป็นศูนย์กลางในการรับเรื่องร้องเรียน และประสานงานความช่วยเหลือต่าง ๆ โดยมีทีมเฉพาะกิจที่ทำหน้าที่วางแผนและปฏิบัติการอย่างทันท่วงที มี war room ที่คอยตัดสินใจสั่งการต่าง ๆ ได้อย่างเฉียบขาด บทความโดย : humanrevod.wordpress.com ประกาศบทความโดย : www.prosofthrmi.com |