การทำงาน เป็นส่วนหนึ่งที่สำคัญของชีวิต ซึ่งรูปแบบของการจ้างงานไม่ได้มีเพียงงานประจำและรอเวลาเกษียณอายุเพียงเท่านั้น แต่ยังมีลักษณะการจ้างงานอีกหลายประเภท ที่สามารถตอบโจทย์การใช้ชีวิตที่แตกต่างกันออกไปได้ ในบทความนี้จะมาสรุปสั้น ๆ ให้เข้าใจได้ง่าย ๆ ว่าการจ้างงานมีกี่ประเภท และแต่ละประเภทมีข้อดีแตกต่างกันอย่างไร
ในปัจจุบัน การจ้างงานสามารถแบ่งออกได้เป็นหลายประเภท โดยประเภทที่พบได้บ่อย ๆ ได้แก่ การจ้างงานแบบประจำ และการจ้างงานแบบไม่ประจำ ซึ่งการเลือกรูปแบบการจ้างงานที่เหมาะสมนั้นขึ้นอยู่กับความต้องการและความจำเป็นของแต่ละบุคคล โดยควรพิจารณาถึงปัจจัยต่าง ๆ เช่น ระยะเวลาในการทำงาน สวัสดิการที่ต้องการ ความมั่นคงในการทำงาน เป็นต้น โดยแต่ละรูปแบบก็มีรายละเอียดและข้อดีแตกต่างกันไป
การจ้างงานแบบประจำ (Full Time) เป็นลักษณะการจ้างงานที่ไม่มีการกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดงาน ซึ่งลูกจ้างสามารถทำงานกับนายจ้างได้เรื่อย ๆ จนกว่าจะเกษียณอายุ หรือลาออกเอง โดยมีการกำหนดเวลาการทำงานที่ไม่ขัดต่อกฎหมายการใช้แรงงาน คือ ไม่เกิน 8 ชม./วัน หรือตามที่นายจ้างลูกจ้างตกลงกัน และไม่เกิน 48 ชม./สัปดาห์
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับ คือ เงินเดือน เงินค่าจ้าง สวัสดิการต่าง ๆ เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ ประกันอุบัติเหตุ ลาป่วย ลาพักร้อน เป็นสิ่งตอบแทนจากการทำงาน โดยการจ้างงานแบบประจำนี้ เป็นประเภทการจ้างงานยอดนิยมในสังคมปัจจุบัน เนื่องจากเป็นรูปแบบการจ้างงานที่ให้ความมั่นคงและความปลอดภัยในการทำงาน และมีสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร ซึ่งนายจ้างไม่สามารถเลิกจ้างลูกจ้างได้โดยไม่แจ้งล่วงหน้า
การจ้างงานแบบประจำ เป็นที่นิยมในกลุ่มผู้ที่มีความต้องการความมั่นคงในการทำงานและต้องการสิทธิประโยชน์ต่างๆ ในการดำรงชีวิต เช่น ประกันสังคม ประกันสุขภาพ เป็นต้น
การจ้างงานแบบไม่ประจำ (Part Time) เป็นลักษณะการจ้างงานที่มีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุดงาน ซึ่งจะมีการทำสัญญาหรือข้อตกลงระหว่างนายจ้างและลูกจ้างที่เกี่ยวกับรายละเอียดการทำงานต่าง ๆ เช่น วันที่มาทำงาน ชั่วโมงการทำ เวลาเข้าและเวลาออกงาน เป็นต้น
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่ลูกจ้างจะได้รับจะน้อยกว่าการจ้างงานแบบประจำ โดยอาจได้รับเฉพาะเงินเดือนหรือเงินค่าจ้างเท่านั้น โดยการจ้างงานแบบไม่ประจำนี้ เป็นประเภทที่นิยมในกลุ่มผู้ที่มีความต้องการทำงานชั่วคราว เช่น นักศึกษาที่ต้องการหารายได้ระหว่างเรียน หรือผู้ที่ต้องการทำงานเสริม ที่ไม่ได้มองหาความมั่นคงในการทำงาน ซึ่งสามารถแบ่งออกได้อีกหลายประเภท ดังนี้
เป็นลักษณะการจ้างงานที่มีชั่วโมงการทำงานน้อยกว่าการจ้างงานแบบเต็มเวลา โดยอาจทำงานเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อวันหรือต่อสัปดาห์ มีจุดเด่นเรื่องความยืดหยุ่นในการทำงาน โดยลูกจ้างสามารถจัดสรรเวลาในการทำงานได้ตามความต้องการ และสามารถทำงานได้หลากหลายประเภท ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานก่อนสมัครงานแบบประจำ
การจ้างงานแบบพาร์ตไทม์ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการหารายได้เสริมหรือต้องการทำงานระหว่างเรียน
เป็นลักษณะการจ้างงานที่มีกำหนดระยะเวลาการทำงานแน่นอน เช่น 6 เดือน 1 ปี หรือ 3 ปี โดยลูกจ้างจะได้รับสิทธิประโยชน์ต่าง ๆ เช่น เงินเดือน เงินค่าจ้าง สวัสดิการต่าง ๆ เช่นเดียวกับการจ้างงานแบบประจำ แต่จะมีความมั่นคงในการทำงานน้อยกว่า เนื่องจากสัญญาจ้างงานมีกำหนดระยะเวลาสิ้นสุด
การจ้างงานแบบสัญญาจ้างชั่วคราว เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทดลองงานกับบริษัทหรือองค์กรต่าง ๆ เพื่อพิจารณาว่าตนเองเหมาะสมกับงานและบริษัทนั้นหรือไม่ หรือสำหรับผู้ที่ต้องการเก็บเกี่ยวประสบการณ์ทำงานก่อนสมัครงานแบบประจำ
เป็นลักษณะการจ้างงานที่ไม่มีสัญญาจ้างงานเป็นลายลักษณ์อักษร โดยลูกจ้างจะทำงานเป็นครั้ง ๆ ไปตามความต้องการหรือระยะเวลาที่กำหนด โดยลูกจ้างสามารถจัดสรรเวลาในการทำงานได้ตามความต้องการ เช่น สามารถทำงานที่บ้าน หรือทำงานจากที่ใดก็ได้ในโลก ทำให้เลือกทำงานได้หลากหลายประเภท ซึ่งอาจช่วยให้ฟรีแลนซ์ได้เรียนรู้ทักษะและความรู้ใหม่ ๆ ได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงมีอิสระในการทำงาน เช่น เลือกงานที่ชอบหรือถนัดได้ กำหนดเวลาในการทำงานได้ และตัดสินใจเกี่ยวกับงานของตนเองได้ตามต้องการ
การจ้างงานแบบฟรีแลนซ์ เป็นทางเลือกที่ดีสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานจากที่บ้าน หรือทำงานจากต่างประเทศ หรือสำหรับผู้ที่ต้องการทำงานในสายงานที่มีความเฉพาะทาง
ขอบคุณที่มา : www.jobtopgun.com