เวลาทำงานแบบยืดหยุ่น หรือ Flexible Time คืออะไร?

เวลาทำงานแบบยืดหยุ่น หรือ Flexible Time คืออะไร?

เคยได้ยินคำว่า Flexible Time กันอยู่บ่อย ๆ ว่าแต่เอ๊ะ มันคืออะไร ??

           พูดถึงเรื่อง Time ในองค์กร ก็คงหนีไม่พ้นเรื่องการเข้า – ออกตามกะงานต่าง ๆ ซึ่งแน่นอนว่าปัจจุบันองค์กรส่วนใหญ่ก็ยังคงมีการกำหนดขอบเขตการลงเวลาเข้า – ออกที่เป็นเวลาตายตัวที่องค์กรกำหนดไว้เท่านั้น

...แต่ก็มีบางองค์กรที่นำ “ระบบการลงเวลาทำงานแบบยืดหยุ่น” หรือ “Flexible Time” มาปรับใช้

  • พนักงานสามารถเข้า – ออกงาน เวลาใดก็ได้ภายใต้กรอบเวลาที่องค์กรกำหนด
  • พนักงานแค่ทำงานได้ครบตามชั่วโมงที่องค์กรกำหนด

ซึ่งระบบการทำงานแบบยืดหยุ่นนี้เป็นที่ถูกอกถูกใจคนทำงานรุ่นใหม่ไม่น้อยเลยทีเดียว เนื่องจากสามารถบริหารจัดการเวลาเข้างานของตัวเองได้อย่างอิสระ

โดยเวลาทำงานแบบยืดหยุ่น (Flexible Time) ที่ได้รับความนิยมจะมีอยู่ประมาณ 3 รูปแบบ ดังนี้

1. จับกะงานอัตโนมัติ

ต้องบอกว่ารูปแบบนี้เป็นที่นิยมใช้ในอันดับต้น ๆ โดยองค์กรจะกำหนดเวลาเข้า – ออกกะงานเป็นช่วง ๆ ไว้ ส่วนใหญ่ก็จะกำหนดให้ 3 ช่วงเวลา ซึ่งก็จะมีเวลาเข้างานที่แตกต่างกัน เมื่อพนักงานลงเวลาเข้าใกล้เคียงกะไหน ก็จะทำงานในกะงานนั้น และทำงานจนถึงเวลาออกงานของกะงานนั้น ๆ เช่นกัน

       เช่น องค์กรกำหนดไว้ 3 กะงาน

       08.30 – 17.30

       09.00 – 18.00

       09.30 – 18.30

       พนักงานมาทำงาน 08.53 ก็ยังไม่สาย เพราะว่าเข้ากะ 09.00 – 18.00 ได้ สบายใจ ^^ เคสนี้ยืดหยุ่น เหมาะสำหรับองค์กรที่ตั้งอยู่ในบริเวณที่มีรถติดชนิดร้ายแรง แต่ถ้ายังดันมาช้าเกิน 09.30 ก็ต้องสายแล้วน๊า

 

2. ทำงานครบตามชั่วโมง

รูปแบบการทำงานนี้ เน้นการนับชั่วโมงการทำงานเป็นหลัก พนักงานจะเข้า – ออกเวลาไหนก็ได้ แค่ทำงานให้ครบตามชั่วโมงที่องค์กรกำหนดเท่านั้น ก็พอ โอ้โห!! แบบนี้วัยรุ่นชอบ ...ตื่นสายได้

 

3. ชดเชยเวลาเข้างานสาย

            ฟังดูงง ๆ จริง ๆ รูปแบบนี้ ก็คล้ายกับแบบที่ 1 นั่นแหละจ้า เพียงแต่ว่าองค์กรจะกำหนดช่วงเวลาการทำงานมาให้ พร้อมจำนวนชั่วโมงที่พนักงานจะต้องทำ ดังนั้นถ้ามาสาย ก็แค่ทำชดเชยให้ครบตามชั่วโมงที่กำหนดไว้แค่นั้น  แต่!! ต้องไม่เกินเวลาที่องค์กรอนุญาตให้ชดเชยนะ

            เช่น องค์กรกำหนดไว้ 3 กะงาน

       08.30 – 17.30

       09.00 – 18.00

       09.30 – 18.30

โดยให้ทำงาน 8 ชั่วโมง สามารถทำงานเพื่อชดเชยสายได้ถึง 19.00 น.  เท่านั้น

            นั่นหมายความว่า ถ้าคุณมาทำงาน 10.00 – 19.00 น. แสดงว่าคุณทำงานครบ 8 ชั่วโมง และยังออกไม่เกิน 19.00 น. อีกด้วย แบบนี้ก็ไม่ถือว่าสาย  

...แต่ ถ้าคุณมาทำงาน 10.30 น. แล้วองค์กรให้ทำได้ถึง 19.00 น. เท่านั้น แบบนี้ก็ยอมสายเถอะนะ ^^

ระบบบริหารเวลา Time Attendance ในโปรแกรมบริหารงานบุคคล HRMI

Time Attendance ระบบที่ใช้สำหรับควบคุมเวลาการทำงานของพนักงาน เช่น การเข้างาน - ออกงาน การขาดลามาสาย การกำหนดกะทำงาน การกำหนดตารางการทำงานของพนักงาน และการบันทึกขาด ลา มาสาย สามารถใช้กับเครื่องรูดบัตรได้ ทุกรุ่น ทุกยี่ห้อ ที่สามารถ Export ข้อมูลออกมาเป็น Text files ได้ รายงานแจ้งข้อผิดพลาดสำหรับพนักงานที่มีปัญหากรณีที่ไม่ได้ทำการรูดบัตร เช่น ไม่ได้รูดบัตรเข้า ไม่ได้รูดบัตรออก มาสาย เข้าช้า - กลับก่อนกำหนดได้ มีรายงานสถิติการลาแต่ละประเภทของพนักงานแต่ละคนซึ่งทำให้แผนกบุคคล สามารถตรวจสอบเวลาการทำงานของพนักงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพและรวดเร็ว

คุณสมบัติเด่นของ Time Attendance ระบบบริหารเวลา

  • รองรับการกำหนดกะงานได้ไม่จำกัด สามารถระบุเงื่อนไขเวลาการทำงานของแต่ละ กะงานได้ เช่น กำหนดเวลาอนุญาตสายสูงสุด, กำหนดการหักค่าจ้างกรณีที่พนักงาน เข้างานสาย
  • รองรับการกำหนดตารางการทำงานแบบกะปกติ, กะวน และกะ Flexible Time
  • รองรับการกำหนดกะงานให้มองตามเวลาใกล้เคียงเวลาแสกนนิ้ว, ตามชั่วโมงที่กำหนด (Flexible Time)
  • สามารถบันทึกกะงาน OT วันหยุด, OT ก่อนทำงาน, OT ระหว่างทำงาน, OT หลังเลิกงานได้
  • สามารถบันทึกรายได้กะงานได้ เช่น รายได้ค่ากะงานดึก เป็นต้น
  • สามารถ Import เวลาเข้า – ออก งานของพนักงานได้ โดยการใช้ Text file/Excel file หรือ จาก Database ของโปรแกรมสแกนนิ้ว ได้ทั้งการ Import เอง และ Import อัตโนมัติ
  • สามารถปรับปรุงเวลาการทำงานของพนักงานได้ เช่น บันทึกแลกกะงาน, แลกวันหยุด, เปลี่ยน กะงาน, เปลี่ยนวันหยุด, เวลาการเข้า – ออกงาน เป็นต้น
  • สามารถกำหนดตารางการทำงานให้พนักงานได้ทั้งแบบรายบุคคล หรือแบบกลุ่มได้ และสามารถ Import Format Excel เข้าระบบได้
  • สามารถกำหนดปฏิทินวันหยุด, วันหยุดประจำปี (นักขัตฤกษ์) ได้ตามนโยบายขององค์กร
  • สามารถกำหนดวันอนุญาตลาตามเงื่อนไขอายุงานได้
  • สามารถบันทึกยกเว้นการรูดบัตรได้กรณีที่พนักงานออกไปปฏิบัติงานนอกสถานที่
  • สามารถตรวจสอบเวลาหลังจากประมวลผลเวลาได้ง่าย ระบบแยกสีของข้อมูลแต่ละประเภทให้ชัดเจน
  • สามารถตรวจสอบวันอนุญาตลา, วันลาที่ใช้ไป และวันลาคงเหลือของพนักงานได้
 3951
ผู้เข้าชม

บทความที่เกี่ยวข้อง

การสรรหาบุคลากร (Recruitment) กล่าวง่ายๆ หมายถึง กระบวนการในการค้นหาตลอดจนคัดเลือกบุคคลที่มีความรู้ความสามารถและมีทักษะที่เหมาะสมเพื่อเข้ามาปฎิบัติงานในตำแหน่งงานตามที่องค์กรต้องการ กระบวนการนี้จะเริ่มต้นตั้งแต่การวางแผนการคัดเลือก การสื่อสารให้เกิดแรงจูงใจกับผู้สมัครเป้าหมายที่ต้องการ และจะสิ้นสุดกระบวนการเมื่อองค์กรนั้นรับบุคคลนั้นๆ เข้าเป็นพนักงานแล้ว
กองทุนเงินให้กู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ชี้แจงกรณีที่ กยศ. ได้แจ้งนายจ้างให้หักเงินเดือนเพื่อชำระเงินกู้ยืมคืนจากผู้กู้ยืมที่ค้างชำระหนี้ โดยให้หักเพิ่มรายละ 3,000 บาท สำหรับผู้กู้ยืมที่มีสถานะ ค้างชำระ โดยไม่รวมผู้ที่ได้ทำสัญญาปรับโครงสร้างหนี้กับ กยศ. แล้ว มีผลตั้งแต่เดือนเมษายน 2568 เป็นต้นไป
การมอบสิทธิประโยชน์ทางด้านภาษี เพื่อสนับสนุนคนไทยที่มีศักยภาพที่ทำงานในต่างประเทศให้กลับเข้ามาในงานในประเทศไทย โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมายของประเทศ
JD (Job Description) ภาษาไทยเรียกว่า ขอบเขตหน้าที่และความรับผิดชอบงานตำแหน่งงาน หรือ คำบรรยายลักษณะงาน / ใบพรรณนาหน้าที่งาน ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ใช้ในการบรรยายลักษณะหน้าที่ความรับผิดชอบของตำแหน่งงาน รวมถึงคุณสมบัติของคนที่ทำงานในตำแหน่งหน้าที่ที่กำหนด

การเทรนนิ่งพนักงานมี 2 ทางเลือกหลัก หากองค์กรไม่เลือก On the Job Training หรือการฝึกพนักงานให้เรียนรู้จากการทำงานจริง ก็สามารถเลือก Off the Job Training ซึ่งอาจเป็นการจัดคอร์สนอกเวลาหรือจ้าง Outsource มาดูแลการฝึกทักษะต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นภาษา, Soft Skills หรือ Hard Skills

พระราชบัญญัติคุ้มครองแรงงาน พ.ศ. 2541 กำหนดให้มีกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้างในกรมสวัสดิการและคุ้มครองแรงงาน เพื่อสงเคราะห์ลูกจ้าง กรณีออกจากงาน หรือตาย หรือในกรณีอื่นที่กำหนดโดยคณะกรรมการกองทุนสงเคราะห์ลูกจ้าง มีผลเริ่มใช้วันที่ 1 ตุลาคม 2568

สร้างเว็บไซต์สำเร็จรูปฟรี ร้านค้าออนไลน์