เป็นสำนักงานแบบเปิดโล่ง ไม่ใช่แบ่งเป็นห้องปิดมิดชิดหรือเป็นคอกที่มีฝากั้นสูงๆ สามารถมองเห็นบรรยากาศการทำงานของเพื่อนร่วมงานได้
สามารถทำงานจากตรงไหนก็ได้ ไม่จำเป็นต้องนั่งประจำที่โต๊ะทำงานตลอดเวลา ทำให้พนักงานสามารถเปลี่ยนอริยาบถได้ด้วย โดยที่งานก็ไม่เสีย
เอาเด็กหรือสัตว์เลี้ยงไปที่ทำงานได้ โดยจัดให้มีมุมเฉพาะสำหรับไว้รองรับและมีคนช่วยดูแลให้อย่างดี เพื่อนพนักงานสามารถแวะมาเล่นทักทายกันได้ด้วย
เกมและสันทนาการ เช่น มีห้องคาราโอเกะ โต๊ะพูล วิดีโอเกม หมากกระดาน ห้องซ้อมดนตรี ฯลฯ เอาไว้พักผ่อนหย่อนใจ และสังสรรค์กันนอกเวลางาน
แต่งตัวลำลองตามสบาย ให้พนักงานได้เป็นตัวของตัวเองโดยไม่ต้องเคร่งครัดกับเครื่องแบบยูนิฟอร์มที่เป็นทางการ โดยที่ยังคงความสุภาพเรียบร้อย
ห้องฟิตเนส มีเครื่องออกกำลังกาย หรือถ้าจะให้ดี ก็จัดให้มีครูมาสอนเต้นแอโรบิค สอนโยคะ สอนเต้นรำบ้าง เพื่อกระตุ้นเรื่องสุขภาพและความกระฉับกระเฉง
มุมพักผ่อน เป็นห้องเงียบที่มีโซฟาหรือเตียงนอนสำหรับงีบหลับพักสายตาชั่วคราว เพราะหลายออฟฟิศ ไม่ได้มีห้องพยาบาลไว้ให้บริการอย่างเป็นกิจลักษณะ
ซุ้มอาหารและเครื่องดื่ม มีสวัสดิการเกี่ยวกับโภชนาการให้กับพนักงาน ดูแลปากท้องของพนักงานให้อยู่ดีกินดี วันดีคืนดีก็มีเชฟฝีมือดีมาทำอาหารอร่อยเลี้ยงพนักงาน
บริการซักอบรีดฟรี พนักงานหลายคนทำงานหามรุ่งหามค่ำ ไม่มีเวลาดูแลเสื้อผ้าที่ใส่มาทำงาน ก็มีบริการส่งเสื้อผ้าไปซักรีดให้ฟรี ทำให้พนักงานจัดการชีวิตได้ง่ายขึ้น
นี่เป็นเพียงไอเดียตัวอย่างที่สามารถนำไปประยุกต์ใช้ได้ตามความเหมาะสม ยังมีไอเดียอีกมากมายที่สามารถจัดให้แก่พนักงานเพื่อสร้างบรรยากาศสภาพแวดล้อมที่น่าอยู่ในที่ทำงาน แต่อย่างไรก็ตาม ทุกอย่างมีต้นทุน
ดังนั้น การจะจัดสรรสวัสดิการให้แก่พนักงาน ต้องพยายามสร้างความตระหนักให้พนักงานเห็นถึงคุณค่าที่พวกเขาได้รับ แล้วพวกเขาจะได้ตอบแทนแก่องค์กรด้วยผลงานที่ดี และควรสื่อสารให้แก่บุคคลภายนอกได้รู้ด้วยว่าองค์กรของเราดูแลพนักงานได้ดีขนาดไหน
ที่มา : humanrevod.wordpress.com