สัญญาการจ้างงาน หรือสัญญาว่าจ้าง คือ สัญญาข้อตกลงระหว่างนายจ้างกับลูกจ้าง ซึ่งอาจมีการตกลงกันด้วยวาจา หรือเอกสารที่เป็นลายลักษณ์อักษร ที่ทั้งฝ่ายยอมรับจะถือเป็นสัญญาว่าจ้างแล้ว และเมื่อใดที่ลูกจ้างทำงานให้นายจ้างแล้วก็จะถือว่าสัญญาเป็นอันสมบูรณ์ ดังนั้นเพื่อการป้องกันปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในภายหลังจึงควรทำข้อตกลงให้เป็นหนังสือสัญญาจ้าง
หมายเหตุ เนื้อหาในสัญญาจ้างจะต้องไม่ขัดต่อกฏหมายคุ้มครองแรงงานมิเช่นนั้นจะถือว่าสัญญาเป็นโมฆะ
ตามกฏหมายแรงงานกำหนดชั่วโมงการทำงานนั้นแตกต่างกันตามประเภทของธุรกิจ ดังต่อไปนี้
ต้องให้ลูกจ้างมีเวลาพักระหว่างการทำงานวันหนึ่งต้องไม่น้อยกว่า 1 ชั่วโมง หลังจากที่ลูกจ้างทำงานมาแล้วไม่เกิน 5 ชั่วโมงติดต่อกัน
วันหยุดประจำสัปดาห์ ต้องจัดให้อย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 วัน โดยมีระยะห่างกันไม่เกิน 6 วันทำงาน หรือที่เข้าใจง่าย ๆ ทำงาน 6 วันต้องหยุด 1 วัน จะสะสมวันหยุดหรือเลื่อนไม่ได้
หมายเหตุ เว้นแต่ธุรกิจโรงแรม งานขนส่ง หรืองานอื่นที่กำหนดในกฎกระทรวง นายจ้างและลูกจ้างอาจจะตกลงกันล่วงหน้า สะสมวันหยุดประจำสัปดาห์ หรือเลื่อนไปหยุดเมื่อใดก็ได้ แต่ต้องอยู่ในระยะเวลา 4 สัปดาห์ติดต่อกัน
วันหยุดตามประเพณี
ทั้งนี้พิจารณาจากวันหยุดราชการ วันหยุดทางศาสนา หรือขนมธรรมเนียมประเพณีท้องถิ่น และถ้าหากวันหยุดตามประเพณีวันใดตรงกับวันหยุดประจำสัปดาห์ของลูกจ้าง ต้องให้ลูกจ้างหยุดชดเชยในวันทำงานถัดไป
ข้อควรระวัง
4.1 ลาป่วย มีสิทธิ์ลาป่วยได้เท่าที่ป่วยจริง และมีสิทธิ์ได้รับค่าจ้างในวันลาป่วยปีหนึ่งไม่เกิน 30 วันสามารถกำหนดให้ลูกจ้างที่ลาป่วยได้ 3 วันทำงานขึ้นไป แสดงใบรับรองแพทย์ (หากลูกจ้างไม่ยอมแสดง ถือว่าเป็นการผิดวินัยฐานลาผิดระเบียบ)
4.2 ลาทำหมัน ลูกจ้างมีสิทธิ์ลาเพื่อการทำหมัน ตามระยะเวลาที่แพทย์แผนปัจจุบันชั้นหนึ่งกำหนด ออกใบรับรอง โดยไม่กำหนดว่ากี่ครั้ง โดยจ่ายค่าจ้างเสมือนลูกจ้างมาทำงานตามปกติ
4.3 ลาตั้งครรภ์ ลูกจ้างผู้หญิงมีครรภ์มีสิทธิ์ลาเพื่อคลอดบุตรครรภ์หนึ่งไม่เกิน 98 วัน โดยรวมถึงวันลาเพื่อตรวจครรภ์ก่อนคลอดบุตร แต่ให้นับรวมวันหยุดที่มีในระหว่างวันลาด้วย และต้องจ่ายค่าจ้างในวันลาเพื่อคลอดบุตรเท่ากับค่าจ้างในวันทำงานตลอดระยะเวลาที่ลา แต่ไม่เกิน 45 วัน
4.4 ลากิจ ลากิจธุระอันจำเป็น ลูกจ้างสามารถลากิจ เพื่อธุรกิจอันจำเป็น อย่างน้อย 3 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ
4.5 ลาเพื่อรับราชการทหาร ลูกจ้างผู้ชายสามารถลาเพื่อเข้ารับราชการทหารได้ ลูกจ้างมีสิทธิ์ลาเพื่อรับราชการทหารตามกฏหมายว่าด้วยการรับราชการทหารไม่เกินปีละ 60 วัน โดยได้รับค่าจ้างตามปกติ
4.6 ลาเพื่อฝึกอบรม ลาเพื่อฝึกอบรม ลูกจ้างมีสิทธิ์ลาเพื่อฝึกอบรม หรือพัฒนาความรู้ความสามารถ ตามหลักเกณฑ์ที่กระทรวงกำหนด ทำได้โดยการจ่ายค่าจ้างจะเป็นไปตามเงื่อนไขที่บริษัทกำหนด
นายจ้างต้องจ่ายค่าจ้าง ค่าล่วงเวลา ค่าทำงานในวันหยุด ค่าล่วงเวลาในวันหยุด และเงินประโยชน์อื่น ๆ เนื่องจากการจ้างเป็นเงินตราไทย ต้องกำหนดวันที่จ่าย และวิธีการจ่ายเงินให้ชัดเจน
หมายเหตุ อัตราการจ้างงานขั้นต่ำในแต่ละพื้นที่ สิ่งที่ต้องทราบ คือ นายจ้างไม่สามารถจ่ายค่าจ้างน้อยกว่าอัตราค่าจ้างขั้นต่ำที่กำหนดไว้โดยเด็ดขาด ยกเว้นลูกจ้างอยู่ในช่วงทดลองงาน แต่ต้องแจ้งให้ลูกจ้างทราบถึงอัตราค่าจ้างในระหว่างทดลองงานนี้เป็นลายลักษณ์อักษรด้วย
สิทธิพื้นฐานที่กระทรวงแรงงานระบุไว้ หากนายจ้างทำละเมิดสัญญาจ้าง หรือขัดกับกฎหมาย รัฐสามารถแทรกแซงเอกชนเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ลูกจ้างได้
กำหนดให้นายจ้างจ่ายเงินเข้ากองทุนเงินทดแทน ที่ดูแลโดยสำนักงานประจำสังคม กระทรวงเพื่อคุ้มครองกรณีลูกจ้างประสบอันตราย เจ็บป่วย เสียชีวิตหรือสูญหาย เนื่องจากการทำงานให้นายจ้าง โดยนายจ้างจะต้องจ่ายเงินสมทบเข้ากองทุนเป็นรายปี ภายใน 31 มกราคมของทุกปี ต้องรายงานค่าจ้างจริงของปีที่ผ่านมาภายในเดือนกุมภาพันธ์
หมายเหตุ
อัตราเงินสมทบจะอยู่ระหว่าง 2% – 1.0% ของค่าจ้าง ขึ้นอยู่กับลักษณะความเสี่ยงภัยในการทำงานของแต่ละกิจการโดยค่าจ้างรายปีที่นำมาคำนวณสูงสุดอยู่ที่ 240,000 บาท (หากค่าจ้างที่ประมาณไว้น้อยกว่าก็จะเรียกเก็บเงินสมทบเพิ่ม เรียกว่าเงินสมทบจากการรายงานค่าจ้าง ภายในเดือนมีนาคม หากค่าจ้างที่ประมาณการสูงกว่าค่าจ้างจริงนายจ้างก็จะได้รับเงินสมทบส่วนที่จ่ายเกินคืนไปด้วยเช่นกัน โดยค่าจ้างรายปีที่คำนวณสูงสุดอยู่ที่ 240,000 บาท) กองทุนเงินทดแทนจะคุ้มครองดูแลในกรณี ดังนี้
8.1 ค่ารักษาพยาบาล กรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยเนื่องจากการทำงาน
8.2 ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพ กรณีฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานภายหลังการประสบอันตราย
ได้รับตามอัตรา ดังนี้
8.3 ค่าทำศพ
ผู้จัดการทำศพของลูกจ้างที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุจากการทำงานจะได้รับค่าทำศพเป็นจำนวน 100 เท่าของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฏหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน
8.4 ค่าทดแทน
เงินที่จ่ายให้ลูกจ้าง หรือผู้มีสิทธิ์สำหรับการประสบอันตราย เจ็บป่วย เสียชีวิตหรือสูญหายของลูกจ้าง นอกเหนือจากสิทธิ์ได้รับค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงานหรือค่าทำศพ โดยค่าทดแทนนี้ลูกจ้างจะได้รับเป็นรายเดือนทุกเดือน ในอัตราร้อยละ 60 ของค่าจ้างรายเดือนของลูกจ้างตามระยะเวลาที่กฏหมายกำหนดดังนี้
ที่มา : กฏหมายแรงงาน