มองประสบการณ์เป็นการพัฒนาตัวเองให้ไปสู่ความก้าวหน้าและเติบโตในการทำงาน
ยังไม่สายเกินไปที่จะไขว่คว้าหาความสำเร็จ เพราะคนเราสามารถเรียนรู้และตั้งเป้าหมายในชีวิตได้อย่างไม่จำกัด แต่ในขณะเดียวกันต้องทำให้ตัวเองเกิดการพัฒนาไปพร้อม ๆ กัน โดยเฉพาะถ้าเราอยู่ในโลกที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วแบบนี้ คนทำงานก็ต้องพร้อมที่จะเปลี่ยนแปลงและพัฒนาศักยภาพของตัวเองเพื่อวิ่งตามโลกให้ทัน เพื่อไปสู่ความก้าวหน้าในการทำงานได้อย่างง่ายดายยิ่งขึ้น
และสิ่งนี้แหละ คือคำตอบของคำถามที่ว่า “ทำไมมนุษย์เราถึงต้องพัฒนาตัวเองอยู่ตลอด” แต่พูดแค่นี้อาจจะยังไม่เข้าใจได้มากพอ เลยจะมาเล่าถึงเหตุผลและอยากชวนคนทำงานทุกคนได้พัฒนาตัวเองไปพร้อมกันครับ
1.โลกมีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา
เป็นสิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุด โดยเฉพาะเรื่องของเทคโนโลยีที่ถูกออกมาแบบตอบสนองชีวิตของมนุษย์ ที่ใช้งานง่ายและเพิ่มความสะดวกสบาย แต่ยิ่งเทคโนโลยีใหม่มากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำให้มนุษย์ต้องตื่นตัวในการปรับตัวเพื่อให้ตัวเองสามารถรองรับสิ่งใหม่ที่เข้ามาได้ การเรียนรู้และหมั่นพัฒนาตัวเองก็เป็นหนึ่งข้อสำคัญที่ทำให้เราสามารถตามทันเทคโนโลยี และสามารถนำไปปรับใช้กับการทำงานได้หากเห็นว่าเป็นประโยชน์ และอีกสิ่งหนึ่งที่เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็วก็คือวิธีคิดของมนุษย์เรานี่แหละครับ ถ้าไม่รีบปรับตัวก็จะไม่มีทางตามทันอย่างแน่นอน
2.ค่าครองชีพสูงขึ้น
ถ้าให้สังเกตสิ่งใกล้ตัวที่เปลี่ยนแปลงและมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องก็คือค่าครองชีพที่สูงขึ้น จากที่เคยกินข้าวแกงจานละ 20 - 30 บาท ต่อมื้อ ตอนนี้ราคาพุ่งสูงไปถึง 40 - 100 บาทแล้ว ยิ่งทำให้มนุษย์เราต้องการรายได้ที่สูงขึ้นเพื่อเพียงพอต่อความต้องการ ถ้าใครมีภาระก็คงจะนิ่งเฉยไม่ได้ หากรีบพัฒนาตัวเองให้ก้าวหน้า นำความรู้มาสร้างประสบการณ์มากเท่าไหร่ หนทางการเติบโตทางหน้าที่การงานและโอกาสในการเพิ่มรายได้ก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
ด้วยเหตุผลทั้งสองข้อนี้จึงทำให้คนทำงานหลายคนเริ่มหันมาพัฒนาตัวเอง เพื่อผลักดันโอกาสให้กับตัวเองมากขึ้น แต่ก็ต้องมาพร้อมกับแนวคิดที่ดีช่วยเช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น
การที่จะทำงานใดให้ประสบความสำเร็จนั้น ต้องให้ใจและให้ความรักกับงานที่ทำเพื่อให้เกิดความรู้สึกสนุกในการทำงาน ไม่ย่อท้อต่อปัญหาที่เจอ คิดซะว่าถ้าไม่เจอปัญหาก็เหมือนกับว่าเราไม่ได้ทำอะไร แต่ถ้ามองกลับกัน เมื่อเราไม่ให้ใจกับงานที่ทำก็จะยิ่งไม่มีความสุขในการทำงาน ลองปรับมุมมองแล้วใส่ความตั้งใจ ทำให้เต็มที่ ถ้าผลลัพธ์ออกมาดีก็จะยิ่งทำให้เรามีกำลังและรักในงานที่ทำมากขึ้นครับ
การมีมิตรแท้ย่อมดีกว่าศัตรูที่คอยกลั่นแกล้งกัน เพราะมิตรภาพที่ดีนั้นย่อมสามารถช่วยเหลือซึ่งกันและกันให้การทำงานเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะร่วมกันปรึกษาหารือ หาข้อมูล ไอเดียความรู้จากคนรอบข้าง เป็นการสานความสัมพันธ์ในทางอ้อม แต่ถึงอย่างนั้นไม่ควรเป็นผู้รับอย่างเดียวนะครับ ถ้าเรามีสิ่งดี ๆ ก็ควรแบ่งปันให้เพื่อนร่วมงานด้วยเช่นกัน เชื่อว่าถ้าทุกคนเป็นกัลยาณมิตรที่ดีต่อกัน ย่อมมีแต่บรรยากาศที่ดีในการทำงานอย่างแน่นอน
ถ้าได้รับผิดชอบงานใดงานหนึ่งแล้ว ก็ควรทำอย่างสุดความสามารถ เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนแรกไปจนถึงขั้นตอนสุดท้าย วางแผนให้ดี ทำเต็มที่ แม้จะต้องเจอกับอุปสรรคแค่ไหนก็จะไม่มีความรู้สึกเสียใจเลย แต่ถ้าหากทำงานแบบไม่ใส่ใจ ไม่มีความรับผิดชอบ เมื่อเกิดความผิดพลาดขึ้นมาก็อาจทำให้ยากต่อการแก้ไข ฉะนั้นถ้าเราทำงานอย่างเต็มที่แล้วแต่เกิดความผิดพลาดให้เห็น ก็ให้มองถึงต้นเหตุของปัญหาแล้วค่อย ๆ ปรับปรุงไปตามจุด เพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำซ้อน หัดคิดนอกกรอบ เพื่อพัฒนาแนวทางการทำงานไปให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ถ้าเรามีแนวคิดแบบนี้ ใคร ๆ ก็อยากร่วมงานด้วยทั้งนั้น
ข้อนี้คือสิ่งที่เราต้องลงมือทำครับ เพราะประสบการณ์เกิดจากการอ่านการฟัง เมื่อได้ลงมือทำลองผิดลองถูกแล้ว ก็จำเอาไว้เป็นบทเรียนสอนตัวเองต่อไป หากงานที่ได้รับมอบหมายนั้นยากเกินความสามารถ เกินบทบาทหน้าที่ ให้มองว่าตัวเองโชคดีที่ได้รับความไว้วางใจ เพราะยิ่งทำงานเยอะมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งได้ความรู้และประสบการณ์ที่จะต่อยอดให้เราก้าวหน้าไปได้ไวยิ่งขึ้นกว่าเดิม ฉะนั้นเวลาที่เจอกับปัญหาก็อย่าเพิ่งย่อท้อ ให้คิดเสมอว่าทุกปัญหาย่อมมีทางออก วางแผนให้ดีและทำให้สุดความสามารถ โอกาสในการเติบโตก็ยิ่งเพิ่มพูนมากขึ้นครับ
สุดท้ายนี้การพัฒนาตัวเองให้ดีขึ้น ก็ต้องเริ่มจากมุมมองการทำงานในเชิงบวก จงตั้งใจและใฝ่รู้อยู่เสมอ เพื่อนำสิ่งเหล่านั้นมาเป็นประสบการณ์เพื่อสร้างผลลัพธ์ให้เราพบเจอกับความสำเร็จในอนาคต