• คุณมีความจำเป็นต้องการพนักงานเพิ่มมากแค่ไหน • หาวิธีการที่จะให้งานในส่วนนั้นสำเร็จโดยไม่ต้องรับคนเพิ่มได้หรือไม่ เช่น ปรับปรุงกระบวนการทำงานให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ตัดงานที่ไม่จำเป็นออก หรือแบ่งงานใหม่ให้เหมาะกับกำลังคนและความสามารถ เป็นต้น • หากจำเป็นต้องรับพนักงานใหม่จริง ๆ ให้จัดประชุมร่วมกันระหว่าง HR หัวหน้างาน ผู้จัดการ เพื่อกำหนดคุณสมบัติของผู้สมัครงานที่ต้องการ • กำหนดหน้าที่รับผิดชอบของพนักงานในตำแหน่งที่ต้องการรับสมัคร • กำหนดช่วงเงินเดือน และพิจารณาว่าบริษัทมีความสามารถในการจ่ายได้หรือไม่ หากไม่มีปัญหา ก็เริ่มรับสมัครพนักงานได้เลย ประกาศรับสมัครงานภายในก่อน • ประกาศรับสมัครงานภายในบริษัทก่อน เพื่อให้โอกาสพนักงานปัจจุบันได้เติบโตในตำแหน่งงานที่สูงขึ้น ก่อนที่จะประกาศรับบุคคลภายนอก • หากพนักงานสนใจสมัครงานในตำแหน่งว่างดังกล่าว ให้กรอกใบสมัครงานแบบภายใน • กำหนดวันสัมภาษณ์งานสำหรับการรับสมัครแบบภายใน • ดำเนินการสัมภาษณ์ เพื่อหาบุคคลที่เหมาะสมที่สุด ทั้งในเรื่องบทบาทในกระบวนการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร คุณสมบัติเฉพาะทาง การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า รวมถึงความรู้ในตำแหน่งหน้าที่ที่สมัคร • ประเมินผลการสัมภาษณ์งานในแบบฟอร์มการประเมินผลผู้สมัครงาน • แจ้งผลการรับสมัครงานแก่พนักงานที่ลงสมัครคัดเลือก หากเป็นไปได้ควรแจ้งเหตุผลที่พวกเขาไม่ได้รับเลือกด้วย เพื่อให้พวกเขาสามารถนำไปพัฒนาทักษะ และคุณสมบัติต่อไป • หากพนักงานผ่านการคัดเลือก ให้ HR จัดเตรียมเอกสารแต่งตั้งพนักงาน โดยมีรายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งงานใหม่ พร้อมเงินเดือนที่จะได้รับ • กำหนดระยะเวลาในการถ่ายโอนงานปัจจุบันกับหัวหน้างานคนปัจจุบันให้เรียบร้อย ก่อนถึงวันกำหนดพนักงานเริ่มงานใหม่ ในกรณีที่ไม่ได้พนักงานจากภายใน • ส่งอีเมลถึงพนักงานเพื่อแจ้งให้ทราบว่า บริษัทเปิดรับพนักงานในตำแหน่งว่าง เผื่อว่าพนักงานมีคนรู้จักอยากจะแนะนำให้มาสมัครงาน • ใช้พลังแห่งการบอกกันปากต่อปาก ช่วยกระจายข่าวการรับสมัครงานในวงกว้าง เพื่อให้ได้ผลตอบรับที่รวดเร็ว • ลงประกาศรับสมัครงานในเว็บไซต์บริษัท รวมถึงเว็บไซต์หางานคุณภาพที่รวบรวมผู้สมัครคุณภาพไว้มากที่สุดอย่าง www.jobsDB.co.th • หรือจะลดขั้นตอนความยุ่งยากในการสรรหา บุคลากร โดยใช้บริการคัดสรรบุคลากร จาก Head Hunter ของ jobsDB Executive Recruitment ก็ได้ ง่าย สะดวก และไม่แพงอย่างที่คิด • หากมีผู้สมัครงานส่งใบสมัครงานเข้ามา ให้ส่งอีเมลตอบกลับถึงผู้สมัครงานว่าคุณได้รับเรซูเม่ของพวกเขาแล้ว และ กำลังอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา • คัดเลือกใบสมัครและจัดอันดับผู้สมัครที่ เข้าตา จากนั้นทำการสัมภาษณ์ทางโทรศัพท์เพื่อคัดกรองผู้สมัครรอบหนึ่งก่อน ซึ่งอาจมีการสอบถามถึงเงินเดือนที่ต้องการ หากผู้สมัครไม่ได้ระบุไว้ในใบสมัคร • ในกรณีที่มีผู้สมัครน่าสนใจให้ติดต่อกลับไปเพื่อนัดหมายกำหนดการสัมภาษณ์งาน แต่หากไม่มีใครเข้าตา อย่าเพิ่งทิ้งใบสมัครของพวกเขา เพราะคุณอาจต้องการมัน เมื่อเปิดรับสมัครพนักงานในครั้งต่อไป • เมื่อผู้สมัครเข้ามาที่บริษัทเพื่อสัมภาษณ์งาน ให้ผู้สมัครกรอกใบสมัครงานอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้งหนึ่ง • แจ้งรายละเอียดลักษณะงาน หน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งงานนั้นให้ผู้สมัครงานรับทราบ • สัมภาษณ์ผู้สมัครงานเผื่อประเมินความสามารถและความเหมาะสม ในขณะเดียวกันก็เป็นการเปิดโอกาสให้ผู้สมัครงานได้รู้จักองค์กรและทราบความต้องการของคุณด้วย • ประเมินผลการสัมภาษณ์งานในแบบฟอร์มการประเมินผลผู้สมัครงาน • ประชุมร่วมกับหัวหน้าแผนกที่เปิดรับสมัครพนักงาน ผู้จัดการ เพื่อคัดเลือกผู้ที่ผ่านการสัมภาษณ์งานรอบแรก • นัดหมายผู้ที่ผ่านการคัดเลือกเพื่อเข้ารับการสัมภาษณ์ในรอบที่สอง • ดำเนินการสัมภาษณ์ พูดคุยเกี่ยวกับกระบวนการทำงาน วัฒนธรรมองค์กร คุณสมบัติเฉพาะทาง การปฏิสัมพันธ์กับลูกค้า รวมถึงความรู้ในตำแหน่งหน้าที่ที่สมัคร จากนั้นประเมินผลการสัมภาษณ์งานเพื่อให้คะแนนแก่ผู้สมัคร • ผู้สมัครที่คะแนนไม่ถึงเกณฑ์ที่กำหนดจะถูกคัดออก • ประชุมอีกครั้งระหว่าง HR หัวหน้าแผนก และผู้จัดการ เพื่อตัดสินใจเลือกผู้สมัครที่คะแนนผ่านเกณฑ์และมีคุณสมบัติเหมาะสมที่สุด • แจ้งผลการสัมภาษณ์แก่ผู้สมัครงาน สำหรับผู้ที่ได้รับคัดเลือก ให้ HR จัดเตรียมเอกสารแต่งตั้งพนักงาน โดยมีรายละเอียดหน้าที่ความรับผิดชอบในตำแหน่งงานใหม่ พร้อมเงินเดือน และสวัสดิการที่จะได้รับตามที่ตกลงกัน • ให้ผู้สมัครเซ็นสัญญาจ้าง และกำหนดวันเริ่มงาน คุณอาจนำข้อมูล ข้างต้นไปทำเป็น Checklist สำหรับตรวจสอบสิ่งที่คุณอาจมองข้ามในกระบวนการคัดสรรบุคลากร เพื่อให้การรับสมัครพนักงานในครั้งต่อไปมีแบบแผน และมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น รวมถึงได้คนที่ใช่ ทันใจคุณอีกต่างหาก บทความโดย : th.jobsdb.com ประกาศบทความโดย : www.prosofthrmi.com |